คดีสะเทือนโลก แฟนสาวยุยงหนุ่มให้ “ฆ่าตัวตาย” ทนายให้รื้อคดี “เป็นเสรีภาพในการพูด”

หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญไปทั่วทั้งโลก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2017 สำนักข่าว AP ได้รายงานเรื่องของกรณีวัยรุ่นสาวชาวอเมริกัน Michelle Carter ผู้ยุยงแฟนหนุ่ม Conrad Ray ให้ฆ่าตัวตายผ่านการส่งข้อความ

เรื่องราวจากการสอบสวนพบว่าหญิงสาวได้พยายามยุยงให้แฟนหนุ่มฆ่าตัวตาย ผ่านข้อความมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งในวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 2014 แฟนหนุ่มของเธอได้รมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ตัวเอง ด้วยการเปิดเครื่องปั๊มน้ำและสอดท่อไอเสียอัดเข้าไปในรถยนต์

ในช่วงจังหวะหนึ่งที่เขารู้สึกกลัวกับการฆ่าตัวตาย แฟนสาวก็ส่งข้อความยุยงให้เขากลับเข้าไปในรถเพื่อทำให้สำเร็จ จนในที่สุดแล้วเขาก็เสียชีวิต…

โดยคดีนี้ได้มีการสืบสวนมาอย่างยาวนาน มีทั้งการค้นประวัติการแชทกัน วิเคราะห์ข้อความที่ส่งให้กันเพื่อให้ทราบเจตนาที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย

 

ผู้ต้องหา Michelle Carter และแฟนหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย Conrad Ray

 

Marie Claire Flynn อัยการได้ชี้แจงว่า “ผู้ต้องหาพยายามยุยงให้ชายหนุ่มฆ่าตัวตาย โดยให้เหตุผลเพียงเพื่อต้องการให้คนมาสงสารเธอ

จากหลักฐานทั้งหมดเราพบว่า ในวันที่แฟนหนุ่มเข้าไปรมก๊าซพิษในรถ หญิงสาวไม่ได้โทรหาเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปกครองของแฟนหนุ่มเลย แต่สิ่งที่เธอทำกลับตรงกันข้าม..”

โดยข้อความส่วนหนึ่งที่เปิดเผยจากหลักฐานในวันที่เกิดเหตุระบุว่า “เธอต้องทำให้ได้นะ Conrad ยิ่งเธอพยายามฝืนเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งพบกับความสุขมากเท่านั้น

สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เปิดเครื่องนั่น ทำตัวตามสบายทำใจให้สงบ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอเฝ้าหามาตลอด เชื่อฉันสิว่าโอกาสนั้นมาถึงแล้ว”

 

หลักฐานส่วนหนึ่งที่นำมาแสดงในชั้นศาล

 

ในเรื่องความสัมพันธ์ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่รัฐฟลอริด้า เมื่อปี 2012 ทว่าทั้งคู่ไม่ค่อยได้พบกันบ่อยเพราะอยู่ห่างกัน โดยฝ่ายหญิงอาศัยอยู่ที่เมืองเพลนวิลล์ ส่วนฝ่ายชายอาศัยอยู่กับครอบครัวที่แมตทาพอยเซ็ตต์

ทางด้านมารดาของผู้ตายได้ให้การในฐานะพยานว่า ‘ก่อนเกิดเหตุ ตนและลูกชายได้ไปเดินเล่นที่ชายหาดด้วยกัน โดยผู้ตายไม่มีวี่แววว่าจะทำร้ายตัวเองมาก่อน จนกระทั่งพบว่าลูกชายหายตัวไปและเสียชีวิตในที่สุด’

 

หลักฐานการสนทนาส่วนหนึ่งของทั้งคู่

 

ถึงแม้จะมีการต่อในชั้นศาลโดยทนายความของฝ่ายจำเลยได้ให้การโต้แย้งว่า ‘ลูกความถูกใส่ร้าย เนื่องจากผู้ตายมีประวัติป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจากการหย่าร้างของพ่อแม่มาก่อนแล้ว

อีกทั้งผู้ตายยังถูกสมาชิกคนอื่นในครอบครัวทำร้ายร่างกายในวัยเด็ก จนทำให้เจ้าตัวเกิดความคิดอยากฆ่าตัวตายและศึกษาวิธีการด้วยตนเองจากโลกออนไลน์’

 

จากการสืบประวัติพบว่าผู้ตายมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจริง

 

ทว่าล่าสุดศาลได้ตัดสินให้ Michelle Carter มีความผิดโทษฐานฆ่าคนโดยประมาท (ไม่มีการไตร่ตรองล่วงหน้า ฆ่าโดยเกิดจากการใช้สิ่งเร้าในเหตุการณ์นั้นๆ) ทำให้เธอต้องเข้าไปเผชิญโทษในเรือนจำนานกว่า 20 ปี

 

 

แต่ทว่าล่าสุดนี้ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2018 ทางด้านทนายความของนาง Carter ได้ทำการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงของรัฐแมสซาชูเซตส์ เพื่อยกเลิกโทษที่ถูกตัดสินไปแล้ว

เนื่องจากทนายได้ให้ข้อโต้แย้งว่า คำพูดของ Carter ที่ยุยงให้ Roy ฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกใจศาลรัฐ แต่ในอีกมุมหนึ่งมันคือ “เสรีภาพในการพูด”

 

 

ทางทนายความแย้งว่า การตีความการฆาตกรรมโดยไม่ได้ตั้งใจว่าเป็นการ “กระตุ้นการฆ่าตัวตายด้วยคำพูด” เป็นการละเมิดสิทธิของ Carter ในแง่ของการพูดอย่างเสรี ซึ่งทางศาลต่างเห็นพ้องที่จะทบทวนการอุทธรณ์ของเธอในการพิจารณาคดีซึ่งจะมีขึ้นในปลายปีนี้

อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาการตัดสินคดีความจากศาลของรัฐมินนิโซตาในเคสที่คล้ายกัน ทนายของนาง Carter ยังคงยืนยันว่า “เป็นการกระตุ้นผ่านคำพูดอย่างเสรี ที่ส่งผลทำให้ Roy บรรลุผลในการทำตามแผนฆ่าตัวตาย”

 

หน้าแรกของเอกสารการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูง

 

โดยที่หลักฐานเพิ่มน้ำหนักในข้อดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ Carter ส่งข้อความไปหาเพื่อนของเธอ Sam Boardman หลังการตายของ Roy เกิดขึ้น ด้วยใจความว่า

“Sam ความตายของเขาเป็นความผิดของฉัน ทั้งๆ ที่ฉันควรจะหยุดเขาได้ ฉันโทรศัพท์คุยกับเขาและเขาก็ออกมาจากรถเพราะมันกำลังจะได้ผล

แต่เขากลับรู้สึกกลัวจนฉันดันพูดให้เขากลับเข้าไปในนั้น เพราะฉันรู้ดีว่าเขาก็คงจะทำแบบนี้อีกในวันต่อๆ ไป ฉันไม่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ในแบบที่ต้องเจออีกแล้ว”

 

 

ทั้งนี้จากคำตัดสินที่ผ่านมา ผู้พิพากษาตัดสินการกระทำของเธอเป็นการกระทำที่ “ขาดสติและประมาท” ส่งผลทำให้คนอื่นถึงแก่ความตายโดยไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์ ซึ่ง Carter คือต้นเหตุที่ทำให้ Roy เสียชีวิต…

“เธอบอกขั้นตอนให้ Roy กลับเข้าไปในรถโดยที่รับรู้ทุกความรู้สึกที่เขาบอกเล่าให้เธอฟัง ทั้งความลังเล ความกลัว ความกังวล

ทางศาลพบว่าการชี้นำให้ Roy กลับเข้าไปในรถนั้น เป็นการกระทำที่ขาดสติและประมาทจากนาง Carter สร้างสถานการณ์ที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อนาย Roy”

 

 

ในการยื่นอุทธรณ์ ทนายของ Carter กล่าวว่าไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้จากสิ่งที่ Carter หรือ Roy พูดคุยกันในระหว่างสองสายสุดท้ายก่อนที่จะเกิดเหตุเสียชีวิต

และในการยื่นอุทธรณ์ ข้อความที่นาง Carter ส่งให้กับ Boardman เกี่ยวกับการบอกให้ Roy กลับเข้าไปในรถและสารภาพผิดนั้น ก็ไม่ปรากฏหลักฐานทางกายภาพให้เห็นเด่นชัด

อีกทั้งยังโต้แย้งว่ามีเพียงข้อความเดียวจากร้อยข้อความ ที่นาง Carter ส่งให้กับเพื่อนเกี่ยวกับการตายของ Roy ที่กล่าวถึงการบอกให้เขากลับเข้าไปในรถ…

 

 

ทนายความยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พร้อมกับระบุว่านาง Carter เป็นบุคคลแรกที่ถูกกล่าวหาภายใต้สถานการณ์ที่ผิดปกติ และคงจะเป็นรัฐแมสซาชูเซตส์ เพียงรัฐเดียวที่ยืนกรานว่าเป็นการฆาตกรรมโดยประมาท โดยที่ไม่มีจำเลย หลักฐานมีเพียงแค่คำพูด และกระตุ้นให้บุคคลฆ่าตัวตาย

 

 

และไม่มีรัฐไหนๆ ในสหรัฐอเมริกาที่บัญญัติให้คำพูดหรือวาจาเป็นอาชญากรรม จนก่อให้เกิดเหตุฆาตกรรมโดยไม่เจตนา หรือส่งเสริมยุยงให้เกิดการฆ่าตัวตาย

“ไม่เคยมีจำเลยคนไหนถูกกล่าวหาจากการกระตุ้นก่อให้เกิดการฆ่าตัวตาย โดยที่จำเลยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางด้านกายภาพหรือไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุ” หนึ่งในข้อความของการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูง

 

ที่มา: apnews, documentcloud, @tasneemnashrulla, Buzzfeed, thesun, cnn

Comments

Leave a Reply