โลกใบนี้ได้สร้างสรรค์ให้มนุษย์มีหลากหลายเชื้อชาติ โครงสร้าง สีผิวและหน้าตา ซึ่งแต่ละชาติพันธุ์ก็จะมีความสวยงามและลักษณะเด่นที่แตกต่างกันไป
แต่ก็ไม่วายยังถูกมนุษย์บางคนนำความแตกต่างเรื่องชาติพันธ์ุนั้นๆ มาเป็นคำด่าทอหรือที่เราเรียกกันว่า “การเหยียด” นั่นเอง
การเหยียดเป็นปัญหาที่มีมาตั้งแต่อดีตกาล แม้แต่ดินแดนแห่งเสรีภาพอย่างสหรัฐอเมริกาที่มีผู้คนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ด้วยกันก็ยังมีเหตุการณ์เหยียดให้เห็นกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นคนขาวเหยียดคนเอเชียหรือคนขาวเหยียดคนผิวสี
เหมือนกับเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องร้านอาหารร้านหนึ่งที่ถูกลูกค้าทิ้งข้อความที่มีความหมายเชิงเหยียดว่าพนักงานร้านนี้เป็นผู้ก่อการร้าย
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2018 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Khalil Cavil ได้โพสต์ภาพบิลในร้านอาหารที่เขาทำงานได้รับคืนมาพร้อมกับข้อความที่ทิ้งไว้พร้อมกับวงกลมที่ชื่อของเขาจากลูกค้าว่า “พวกเราไม่ให้ทิปแก่ผู้ก่อการร้ายหรอก”
เขาโพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นว่า “เมื่อคืนนี้ที่ทำงาน ผมได้รับโน้ตนี้จากบนโต๊ะหนึ่งในร้าน ในตอนนั้นผมไม่ได้รู้ว่าจะคิดยังหรือจะพูดอะไรดี มันทำเอาผมปวดท้องเลย ผมตัดสินใจที่จะแชร์เพราะผมอยากที่จะให้ผู้คนเข้าใจว่านี่มันคือการเหยียดนะและอยากให้รู้ว่าความเกลียดชังนี้มันยังมีอยู่
แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องใหม่ๆ แต่มันยังคงเป็นสิ่งที่จะทดสอบศรัทธาของคุณ วันทั้งวันคุณต้องเตือนตัวเองว่าพระเยซูก็ตายเพื่อคนเหล่านี้เหมือนกัน ผมจะทำให้เจ้าสิ่งนี้มาเป็นแรงกระตุ้นให้แก่ผมและเป็นพลังงานที่จะเปลี่ยนโลกด้วยวิธีที่ผมรู้
ดังนั้นถึงเหล่าคนที่เกลียดช่ังข้างนอกนั่น นินทากันต่อไปเถอะ ทำแบบนั้นคุณก็แค่จะช่วยให้ผมก้าวต่อไปสู่เส้นทางของผมเท่านั้นแหละ”
เมื่อเขาโพสต์ภาพพร้อมแคปชั่นลงไปในเฟซบุ๊กส่วนตัว ชาวเน็ตทั้งหลายก็ต่างแชร์ต่อกันและเข้ามาต่อว่าคนเขียนพร้อมกับให้กำลังใจเขากันมากมาย
อมก. ฉันรู้สึกเสียใจที่คุณต้องได้รับประสบการณ์แบบนี้ ฉันเจ็บใจแทนคุณเลย
พวกเขาก็รับอาหารที่เขาเสิร์ฟสบายๆ นี่ แต่ไม่ยอมให้ทิปเขา? ไม่ๆ พวกเขาก็แค่พวกจนๆ และงี่เง่าเท่านั้น
ไอ้คนที่เขียนข้อความนั่นแหละผู้ก่อการร้าย
สุดท้ายนี้ทางร้านอาหารที่ Khalil ทำงานอยู่ได้ลงโทษลูกค้าที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะด้วยการแบนตลอดชีวิต
Turney เจ้าของร้านได้กล่าวว่า “เราจะยืนเคียงข้างและสนับสนุนพนักงานของเรา การเหยียดไม่ว่าจะรูปแบบไหนมันก็เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”
ที่มา USAtoday, Khalil Cavil
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.