การจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว มันเป็นเรื่องแสนสนุกที่เราจะได้ใช้เวลาทำอาหารร่วมกัน พูดคุยกันกับเหล่าเพื่อนๆ และเล่นเกมต่างๆ กันอย่างสุดมันส์ ทว่าการจัดปาร์ตี้ให้สนุกอย่างสุดเหวี่ยงบางทีก็ควรจะคำนึงถึงเรื่องกาลเทศะ รวมถึงดูด้วยว่าอะไรคือสิ่งที่ควรหรือไม่ควรทำ..
ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะเหมือนกับเหตุการณ์ที่คู่สามีภรรยาคู่นี้ได้เจอมา ที่ในระหว่างทางกลับบ้านพวกเขาได้ไปเจอเข้ากับคนกลุ่มหนึ่งที่จัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกันในสุสาน งานนี้เลยนำมาซึ่งเสียงด่าจากชาวเน็ตมากมายว่าที่ตั้งเยอะแยะทำไมไม่ไปจัดกัน ทำไมต้องไปจัดในนั้น!!
โดยเรื่องมีอยู่ว่าเมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งแห่งเขต West Yorkshire ประเทศอังกฤษ ไปเที่ยวมหกรรมอาหารที่จัดขึ้นในเมือง จากนั้นเมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วก็ตัดสินใจกันว่าจะใช้วิธีการเดินกลับบ้านด้วยกัน
แต่ด้วยความที่ระหว่างทางกลับบ้านของทั้งคู่จะต้องผ่านโบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งทันทีที่ทั้งคู่ผ่านโบสถ์นี้เองก็ได้เห็นว่าภายในสุสานของโบสถ์มีผู้ใหญ่ 3 คนกับเด็กๆ อีก 7 คนกำลังจัดปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนานโดยไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมของสถานที่แม้แต่น้อย
ทั้งคู่จึงได้ถ่ายภาพของกลุ่มคนเหล่านี้เอาไว้แล้วนำไปลงในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งผู้เป็นสามีได้เขียนอธิบายเหตุการณ์เอาไว้ว่า
“ลองจินตนาการถึงความเซอร์ไพรส์ที่ว่าผู้ใหญ่ 3 คนกับเด็กๆ อีก 7 คนกำลังสนุกไปกับปาร์ตี้ที่มีการทำอาหารบนหลุมศพดู”
นอกจากนี้เขาก็ยังได้อธิบายต่อว่า ด้วยความที่เห็นถึงความไม่เหมาะสมภรรยาของเขาจึงเข้าไปตักเตือนคนกลุ่มดังกล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่มาจัดปาร์ตี้บนสถานที่ที่มนุษย์เรียกกันว่า ‘สถานที่ศักดิ์สิทธิ์’ แต่ทางเชฟของกลุ่มนั้นก็กลับตอบกลับด้วยคำพูดแดกดันว่า ‘ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ผมจะจดเอาไว้ละกัน’
นอกจากนี้ก็ยังมีบางคนของกลุ่มที่บอกให้สามีภรรยาคู่นี้ลบภาพออกจากโทรศัพท์มือถือด้วย แต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเขาได้โพสต์ลงไปในโลกโซเชียลเรียบร้อย และในเวลาต่อมามันก็กลายเป็นกระแสไวรัลรวมถึงมีความเห็นจากชาวเน็ตที่ไม่พอใจพฤติกรรมดังกล่าวอย่างมากมาย อย่างเช่น
“มันเป็นเรื่องที่ขาดการให้ความเคารพจริงๆ”
“น่าขยะแขยงจริงๆ อะไรบนโลกที่ทำให้จิตใจของพวกเขาเป็นอย่างนี้กันเนี่ย”
“นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ฉันรู้สึกช็อกที่สุดเลย มันเป็นสิ่งที่ไร้ซึ่งความเคารพ รวมถึงไม่ให้เกียรติกันชัดๆ กลุ่มคนนี้น่าเกลียดสุดๆ”
โดยทั้งนี้ทั้งคู่ก็บอกว่าได้ส่งเรื่องนี้ให้ทางโบสถ์รับรู้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีการลงโทษกลุ่มคนเหล่านี้หรือไม่อย่างไร…
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.