ในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ‘การล่าวาฬ’ ถือเป็นประเพณีที่กระทำสืบเนื่องมาตั้งแต่โบราณ และปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ตลอดเป็นประจำทุกปี
อย่างไรก็ตามประเพณีการล่าวาฬนี้ก็ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ทั่วโลกว่ามันเป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือไม่
จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ให้ล่าเฉพาะที่นำมาบริโภคเท่านั้น แต่ไม่ได้ล่าเพื่อความสนุกเหมือนในอดีตอีกต่อไป
และการล่าวาฬตัวนี้กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดกันอย่างแพร่หลายในโซเชียลต่างประเทศ กับกรณีของเศรษฐีชาวไอซ์แลนด์รายหนึ่งใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกใส่เจ้าวาฬยักษ์ที่มีความยาวถึง 20เมตร!!
แต่ทว่ามันไม่ใช่วาฬธรรมดา เป็นพันธุ์ผสมระหว่างวาฬสีน้ำเงินกับวาฬฟิน ที่หาได้ยากมากๆ เรียกได้ว่าโอกาสที่จะเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ของวาฬสองชนิดนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีเพียง 1% เท่านั้น
จากรายงานระบุว่าเจ้าวาฬตัวนี้ใช้ชีวิตแหวกว่ายไปในมหาสมุทรมานานกว่าหลายสิบปี และไม่เคยทำอันตรายให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตลงโดยน้ำมือของมหาเศรษฐีขาวไอซ์แลนด์นามว่า Kristjan Loftsson
เขาใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกที่มีขนาด 90 มิลลิเมตร เจาะเข้าไปในผิวหนังของเจ้าวาฬ และลากมันขึ้นมาบนฝั่งของกรุง Reykjavik ก่อนที่จะทำการแล่เจ้าวาฬตัวนั้น
ภาพในระหว่างการแล่เนื้อวาฬถูกเผยแพร่สู่สายตาของประชาชนทั่วโลก กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่โหดร้าย
อย่างไรก็ตามองค์กร International Find for Animal Welfare (IFAW) ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่าวาฬผสมนั้นเป็นวาฬที่หายากมาก และมันเป็นสัตว์ที่ถูกคุ้มครองโดยอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าห้ามล่าหรือทำร้ายมัน
ขณะนี้พวกเขาก็กำลังจะดำเนินการเอาเรื่องมหาเศรษฐีให้ถึงที่สุด Sigursteinn Masson จากหน่วยงาน IFAW กล่าวว่า “เจ้าวาฬพันธุ์ผสมนี้เป็นสิ่งที่หายากมากๆ ทำให้การระบุว่ามันเป็นสายพันธุ์อะไรก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน”
“และผลของมันก็คือสายพันธุ์ที่หายากและได้รับการคุ้มครองกำลังได้รับผลกระทบจากความโหดร้ายทารุณโดยที่ไม่จำเป็น จากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมล่าวาฬ”
“และตอนนี้พยานหลักฐานต่างๆ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้ว และนี่เป็นอีกครั้งที่เราจะออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก และยุติประเพณีการล่าวาฬนี้เสียที เพื่อให้เกิดผลกระทบจนนำไปสู่การสูญพันธุ์ของวาฬ”
ทางด้านนาย Kristjan เองก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปในทางที่ไม่ดีนัก เขาปฏิเสธที่จะรับการลงโทษดังกล่าว อีกทั้งยังบอกอีกว่า “ผมจะรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยการล่าวาฬอีก 140 ตัวในช่วงฤดูร้อนนี้”
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.