การจะพาหมาสักตัวเข้ามาอยู่ในครอบครัวเป็นเรื่องที่ต้องคิดให้ดี ยิ่งมีคนที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษในบ้านด้วยยิ่งเป็นเรื่องใหญ่
พ่อแม่ของหนุ่มน้อยที่มีความพิการเองก็ไม่รู้ว่าคิดถูกรึเปล่าที่หาหมามาเป็นเพื่อนลูก จนกระทั่งได้เห็นรอยยิ้มของหนุ่มน้อยตอนอยู่กับเจ้าหมาถึงได้รู้ว่าตัดสินใจไม่ผิดแล้วที่พาเจ้าหมาเข้ามา
หนุ่มน้อย Hugh เพิ่งจะมีอายุเพียง 8 ขวบ แต่เขาก็ผ่านความยากลำบากในแบบที่หลายคนไม่เคยสัมผัสมาแล้ว เพราะเขาเกิดมาพร้อมความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ที่เรียกว่า FOXG1 ซึ่งทำให้การพัฒนาของสมองผิดปกติ
อาการของโรคนี้มีอยู่หลากหลาย อาการร่วมกันที่เห็นได้ชัดนั้นก็คือกินอาหารได้ลำบาก ควบคุมการเคลื่อนไหวได้ยาก และอาจมีอาการชักด้วย
คุณแม่ของเขาคิดว่าหากมีสัตว์เลี้ยงสักตัวมาอยู่เป็นเพื่อน อาจจะทำให้เด็กชายมีความสุขมากขึ้นได้ เธอก็เลยรับเลี้ยงเจ้าหมา Barney มาตั้งแต่มันอายุยังไม่ถึงเดือน ซึ่งดูเหมือนมันกับ Hugh จะเข้ากันได้ดีตั้งแต่เจอหน้าเลย
อย่างไรก็ตามการเลี้ยงหมาย่อมมีปัญหาที่คาดเดาไม่ได้บ้าง ทำให้เธอชั่งใจอยู่เหมือนกันว่าคิดถูกรึเปล่าที่เอา Barney เข้ามาในชีวิตของ Hugh
คุณแม่เล่าว่า “เราคิดอยู่นานว่าจะเลี้ยงหมาดีไหม ด้านหนึ่งเราก็หวังว่ามันจะเป็นเรื่องดีสำหรับ Hugh แต่อีกด้านหนึ่งก็กลัวว่ามันจะทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวาย
ที่ผ่านมา Barney เคยเปิดฝาขวดที่เชื่อมกับท่ออาหารของ Hugh แล้วกินนมหกออกมาจนเลอะเต็มพื้น แล้วก็เคยกัดสายออกซิเจนของ Hugh ด้วย ถึงเราจะสอนกี่ครั้งมันก็ไม่รู้จักจำสักที แถมมันยังมาขวางทางรถเข็นบ่อยๆ ด้วย”
เธอเล่าต่อว่า “แต่ Barney ก็อดทนที่ Hugh ชอบละเมอเตะหน้ามันตอนนอนได้โดยไม่เคยกัดเขาเลย ส่วน Hugh ก็อดทนที่ Barney ชอบเลียและขบเท้าเขาเล่นด้วยเหมือนกัน”
คุณแม่ยังคงไม่แน่ใจเรื่องเจ้าหมาจนกระทั่งคืนหนึ่งเธอได้เห็นรอยยิ้มของลูกชายกับเจ้าหมาเข้าโดยบังเอิญ…
ปกติแล้ว Barney มันบ้าพลังมาก มันจะวิ่งเล่นซนไปทั่ว แล้วก็เล่นกับเด็กคนอื่นไม่รู้จักเบื่อเลย แต่พอมาอยู่กับ Hugh แล้วมันก็เรียนรู้ที่จะอยู่เป็นเพื่อนเขานิ่งๆ แล้วให้เด็กชายลูบอย่างสบายใจ
ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจเด็กชายได้เป็นอย่างดี แล้วทำให้ลูกของเธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็ไม่เคยสงสัยอีกเลยว่าตัดสินใจถูกไหมที่ให้ Barney มาอยู่เป็นเพื่อน Hugh เธอรู้แล้วว่าคงไม่มีใครเป็นเพื่อนที่ดีให้ลูกได้เท่าหมาตัวนี้อีกแล้ว
เจ้าหมาทำให้ลูกของเธอยิ้มได้แม้จะต้องผ่านความยากลำบากที่ได้จากความพิการทุกวัน และมันก็คงจะอยู่เป็นกำลังใจให้กับเด็กชายในอนาคตต่อไปด้วย
ที่มา: Unilad
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.