จัดได้ว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่โลกต้องจดจำเอาไว้แถมน่าจะมอบรางวัลให้ซะจริงๆ สำหรับชายคนหนึ่งที่ยอมอุทิศชีวิตลงมือปลูกต้นไม้ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลาถึง 40 ปี จนทำให้เกาะแห้งแล้งเกาะหนึ่งกลายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้อย่างแทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง !!
โดยชายหัวใจน่ากราบคนนี้มีชื่อว่า Jadav Payeng ที่ได้เริ่มปลูกต้นไม้ต้นแรกบนเกาะ Majuli Island เกาะกลางแม่น้ำในรัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย ในปี 1979 ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุได้เพียง 16 ปี และเกาะแห่งนี้ก็ยังเป็นเพียงเกาะแห้งแล้งไร้ซึ่งผู้คนเพียงเท่านั้น
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ต้นไม้ที่เขาลงมือลงแรงปลูกทุกๆ วันก็ได้ผลิดอกออกผล เปลี่ยนจากเกาะอันแห้งแล้งกลายเป็นป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์
ซึ่งทั้งนี้ก็มีพื้นที่ป่าจากฝีมือของเขาถึง 1,360 เอเคอร์ (ประมาณ 5.5 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่า Central Park ในนิวยอร์ก) พร้อมทั้งได้เป็นบ้านให้กับสัตว์ป่าอย่าง เสือ, แรด, แร้งและช้างอีกนับร้อยๆ ตัว
ในวันนี้ Payeng อยู่ในช่วงวัยอายุ 50 – 60 ปีแล้ว แต่เขาก็บอกว่าในความคิดของเขานั้นไม่ได้มีแผนล้มเลิกการปลูกต้นไม้แต่อย่างใด ในทางกลับกันเขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะปลูกมันให้มากกว่าเดิมซะอีก และจะปลูกจนกว่า ‘หมดลมหายใจสุดท้าย’ ตายจากโลกใบนี้ไป
ความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อของเขาคนนี้ ได้กลายเป็นที่น่าสนใจของคนทั้งโลกเมื่อปี 2007 ซึ่งนับเป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปีหลังจากที่เขาลงมือปลูกต้นไม้บนเกาะนี้ โดยในตอนนั้นคนที่มาพบเข้าก็คือช่างภาพคนหนึ่งและผู้ที่ชื่นชอบสัตว์ป่าชื่อว่า Jitu Kalita
สารคดี ‘Forest Man’ ที่สร้างขึ้นจากชีวิตจริงของเขา
ในภายหลังเรื่องราวของเขาได้ถูกนำไปสร้างเป็นสารคดีชื่อว่า Forest Man และมีผู้เข้าชมมากถึง 2.7 ล้านคน ซึ่งในวิดีโอนั้น Kalita ได้พูดถึงการพบเจอเกาะนี้ครั้งแรกว่า “ผมเห็นอะไรแปลกๆ มันเหมือนกับป่าที่ตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกล”
“ผมจึงเข้าไปใกล้ๆ มัน แล้วผมก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง ผมได้เจอเข้ากับป่าทึบที่อยู่ท่ามกลางแผ่นดินอันแห้งแล้ง!!”
สำหรับกิจวัตรประจำวันของชายผู้ปลูกป่าคนนี้ก็คือ เขาจะตื่นนอนในเวลาตี 3 ทุกๆ วัน จากนั้นก็จะปั่นจักรยาน, นั่งเรือไปยังป่าของเขาแล้วจัดการกับสิ่งต่างๆ ก่อนที่จะกลับมาหาเงินใช้สอยด้วยการขายนมวัวให้กับชาวบ้านเป็นการเลี้ยงชีพ
การกระทำอันน่าเชิดชูของเขาถึงขั้นที่ว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ยกย่องให้เป็นหนึ่งในบุคคลที่น่าเอาเยี่ยงอย่างโดยในปี 2015 เขาก็ได้รางวัล Padma Shri (รางวัลสูงที่สุดอันดับที่ 4 ที่พลเมืองสามารถรับได้) จากทางรัฐบาลของอินเดียด้วย
“มนุษย์กินทุกอย่างจนไม่เหลืออะไรอยู่เลย ไม่มีอะไรที่จะปลอดภัยจากมนุษย์ไม่ใช่แม้แต่กับสัตว์อย่างเสือหรือช้าง”
“ผมบอกผู้คนเสมอว่าถ้าตัดต้นไม้จะทำให้พวกเราไม่เหลืออะไรเลย ผมเลยประกาศเลยว่าถ้าอยากจะตัดต้นไม้ของผมต้องตัดคอผมไปซะก่อน” Payeng กล่าว
นอกจากนี้เขายังบอกอีกด้วยว่าวิถีชีวิตของเขามันทั้งสงบสุขและปราศจากความเครียด ซึ่งมันแตกต่างอย่างมากกับการใช้ชีวิตในสังคมเมือง
“สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างป่าจริงๆ กับป่าคอนกรีต (เมือง) ก็คือพวกเขานั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ โดยไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าได้สร้างมลพิษออกไปสู่ภายนอก”
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อก็คือทุกวันนี้เขายังจำตำแหน่งที่ปลุกต้นไม้ต้นแรกได้ และในตอนนี้มันก็โตพอที่จะแตกกิ่งก้านสาขาเป็นร่มเงาให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่นั่นแล้วด้วย…
ต้องมีคนอย่างนี้ในโลกจริงๆ
ที่มา: ladbible
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.