วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกๆ ปีนั้นถือว่าเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของประเทศไทย นั่นคือ “วันแม่แห่งชาติ” ซึ่งในวันนี้เราก็จะมีจุดประสงค์เพื่อระลึกถึงพระคุณของมารดาที่ให้กำเนิดแล้วฟูมฟักเลี้ยงดูเรามานั่นเอง
และในช่วงวันแม่แห่งชาตินี้เอง ทางโรงเรียนต่างๆ ก็มักจะจัดกิจกรรมวันแม่ เชิญคุณแม่ของนักเรียนทั้งหลายไปโรงเรียนเพื่อให้นักเรียนได้กราบคุณแม่ แต่ก็มีหลายครั้งที่เด็กไม่มีคุณแม่เพื่อให้กราบ เพราะคุณแม่อาจเสียไปแล้วหรืออาจจะไม่ว่างมางานก็เป็นได้
ทางสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทยจึงอยากให้ทางโรงเรียนต่างๆ ทบทวนกิจกรรมดังกล่าวใหม่ เพราะเกรงว่าการที่แม่บางคนไม่สามารถมาให้ลูกกราบได้นั้นจะส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็ก
ในวันที่ 12 สิงหาคม 2018 ทางเพจเฟซบุ๊กของสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ได้โพสต์ภาพพร้อมกับแคปชั่นว่า “#งานวันแม่_จำเป็นแค่ไหน
ช่วงวันที่ 12 ส.ค. โรงเรียนต่าง ๆ มักจะมีการจัด “งานวันแม่”
เชิญให้คุณแม่มารับการ์ดอวยพร หรือ พวงมาลัยจากลูก ๆ
สมัยหมอเป็นเด็ก บรรดาคุณแม่จะนั่งเก้าอี้ ส่วนเด็ก ๆ จะนั่งที่พื้น
มีการกราบเท้า สวมกอด
หมอจำได้ค่อนข้างแม่นว่า จริง ๆ แล้วแม่ไม่สะดวกจะมาร่วมงานเท่าไหร่ เพราะต้องแว้บมาจากที่ทำงาน
แต่จำไม่ได้ว่า มีเพื่อนคนไหนไหม ที่คุณแม่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ … แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง
มาถึงวันนี้ที่ต้องทำงานกับคนที่มีชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของบาดแผลจากความสัมพันธ์ในวัยเด็ก
(attachment trauma)
หมอก็เริ่มเกิดคำถามในใจว่า งานวันแม่ที่โรงเรียนในลักษณะที่กล่าวมา
มีผลกระทบทางใจในเชิงลบกับเด็กหลาย ๆ คน มากกว่าผลทางบวกกับเด็กอีกจำนวนหนึ่งหรือเปล่า?
เพราะสำหรับคนที่สนิทกันดีกับแม่ เขาก็คงจะหาโอกาสแสดงความรักความขอบคุณได้ไม่ยากอยู่แล้ว
แล้วสำหรับเด็กคนอื่น ๆ ล่ะ ?
… เด็กที่อยู่กับญาติ หลังจากพ่อแม่แยกทางกันแล้วต่างฝ่ายต่างไปมีครอบครัวใหม่
… เด็กที่แม่ทอดทิ้งทางอารมณ์ จนรู้สึกว่าสนิทกับพี่เลี้ยงมากที่สุด หรือรู้สึกว่าไม่มีใครรับฟังเท่าสุนัขที่เลี้ยง
… เด็กที่แม่ลำเอียง ปฏิบัติตัวกับพี่หรือน้องคนอื่นของเขาดีกว่าอย่างชัดเจน
… เด็กที่ถูกแม่ลงโทษด้วยวิธีรุนแรงบ่อย ๆ หากทำอะไรไม่ถูกใจ (ไม่ใช่ทำอะไรผิด)
… เด็กที่แม่กำลังป่วยหนัก ระยะสุดท้าย หรือ เสียชีวิตแล้ว
ฯลฯ
เด็ก ๆ เหล่านี้จะรู้สึกอย่างไรที่บาดแผลในใจต้องถูกย้ำด้วยบรรยากาศของงาน ? ยกเลิกธรรมเนียมเดิม ๆ แล้วมีกิจกรรมแบบอื่นแทน (ถ้าคิดว่าจำเป็น) แทนได้ไหม ?
อาจจะเป็นการเขียนเรียงความ ในหัวข้อเกี่ยวกับแม่ ที่เหมาะกับวัยของเด็ก
และไม่ทำให้เด็กรู้สึกว่าต้องเขียนแต่เรื่องดี ๆ
เช่น สิ่งที่ฉันอยากบอกแม่ , สิ่งแรกที่ฉันนึกถึงเมื่อคิดถึงแม่
ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคุณครูในการทำความเข้าใจนักเรียนได้มากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหรืองานอะไร
อยากให้ทางโรงเรียนทบทวน “จุดประสงค์ที่แท้จริง” ของงานนั้น
เพื่อจะได้เลือกทำสิ่งที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมกับบริบทของผู้ร่วมงานทุกคน”
เมื่อทางเพจได้โพสต์ประเด็นดังกล่าวไป ชาวเน็ตทั้งหลายก็ต่างพากันมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย
.
.
และเพื่อนๆ ล่ะ มีความคิดเห็นอย่างไรกันกับกิจกรรมวันแม่ที่ทางโรงเรียนจัดให้แก่นักเรียน?
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.