คุณพ่อฮีโร่ ยอมรับบาดเจ็บสาหัส เอาตัวเข้าช่วยลูกชายที่กำลังจะตกระเบียงบ้าน

“ความรัก” เป็นสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งแสดงออกให้แก่มนุษย์อีกคน โดยที่ความรักนี้ก็มีมากมายหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นความรักแบบเพื่อน ความรักแบบคู่ชีวิต แต่ก็คงไม่มีความรักประเภทไหนที่ยิ่งใหญ่เท่ากับความรักที่คุณพ่อคุณแม่มีให้แก่ลูกๆ

เชื่อหรือไม่ว่าความรักที่พ่อแม่มีต่อลูกนั้น ถึงขั้นที่ยอมตายหรือยอมเจ็บตัวแทนได้เลย เหมือนอย่างเรื่องที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณพ่อฮีโร่ที่ช่วยลูกชายจากการตกระเบียงจนเขาได้รับบาดเจ็บหนัก

 

 

คุณพ่อคนนี้ชื่อว่า Brad Lewis อายุ 42 ปี ก่อนเกิดเหตุเขากำลังเล่นกับ Oscar ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ที่บ้านของเพื่อนในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

ระหว่างที่ Oscar กำลังใช้ปืนของเล่นยิงเข้าใส่คุณพ่อของเขาอยู่ แต่กระสุนที่ยิงออกมาพลาดและทะลุออกไปนอกระเบียงบ้าน เจ้าหนูจึงรีบวิ่งมาดูว่าลูกกระสุนที่ยิงออกมานั้นมันไปตกอยู่ตรงไหน

เจ้าหนูวิ่งมาด้วยความเร็วทำให้เขาเสียการทรงตัวและกำลังจะกลิ้งตกระเบียง โชคดีที่คุณพ่อของเขาสังเกตเห็นทันกและรีบวิ่งเข้าไปจับลูกชายไว้

แต่ด้วยโมเมนตัมของคุณพ่อทำให้สุดท้ายแล้วทั้งสองตกระเบียงไปด้วยกัน แน่นอนว่าผู้เป็นพ่อต้องทำการปกป้องลูกสุดชีวิต เขาได้ดึง Oscar มากอดไว้ที่หน้าอกและก่อนจะใช้หลังรับแรงกระแทกจากพื้นข้างเต็มๆ

 

 

Oscar ได้รับบาดเจ็บกระดูกร้าวกับบาดแผลอีกนิดๆ หน่อยๆ ไม่นานนักก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ แต่ทางด้าน Brad ไม่ได้โชคดีเหมือนลูกของเขา เขาได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและคออย่างสาหัส ขนาดที่เมื่อแพทย์ได้เห็นอาการบาดเจ็บแล้วต้องตะลึงที่เขายังมีชีวิตอยู่

ทางด้าน Beau เพื่อนของ Brad ได้ให้สัมภาษณ์ว่าในตอนที่เหตุการณ์เกิดขึ้น Brad ได้พูดกับเขาว่า “เด็กปลอดภัยใช่มั้ย?” จากนั้นก็พูดว่า “อย่าปล่อยให้ฉันตายนะเพื่อน” ก่อนที่จะหมดสติไป

 

 

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวทางครอบครัวของ Brad ตอนนี้กำลังประสบกับปัญหาทางการเงินไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาตัวของ Brad ที่ต้องใช้เวลารักษาตัว 6 ถึง 12 เดือน รวมถึงยังมีค่าเลี้ยงดูลูกๆ และครอบครัวอีกด้วย

ครอบครัวของและเพื่อนๆ ของเขาจึงได้ร่วมมือจัดตั้งรับบริจาคเงินผ่านเว็บไซต์ GoFundMe หากใครที่อยากจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของครอบครัวคุณพ่อซูเปอร์ฮีโร่คนนี้ ก็สามารถเข้าไปบริจาคได้เลยครับ

 

ที่มา GoFundMe, Ladbible


Tags:

Comments

Leave a Reply