คุณพ่อส่งตัวลูกสาวเข้าสู่ “พิธีวิวาห์” เติมเต็มความต้องการสุดท้าย ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป

นี่คือเรื่องราวอันแสนอบอุ่นหัวใจ และการจากไปอย่างน่าเศร้าของ Pedro Villarin คุณพ่อวัย 65 ปี ซึ่งในช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาได้เติมเต็มความฝัน ส่งลูกสาวเข้าสู่พิธีวิวาห์

 

ความต้องการสุดท้ายของเขา คือการได้ส่งลูกสาวสุดที่รักเข้าสู่พิธีวิวาห์

 

Charlotte ลูกสาวของเขา ได้บอกเรื่องงานแต่งกับคุณพ่อก่อนหน้านั้น 2 เดือน โดยที่ Pedro มีความตั้งใจเป็นอย่างมากว่า ในวันนั้นเขาจะต้องเดินจับมือลูกสาวสุดที่รักเข้าไปในพิธีให้จงได้

แต่เนื่องจากว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งตับขั้นรุนแรง ทำให้ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด จึงทำให้หลายๆ คนกลัวว่าร่างกายของเขาจะอดทนรอให้ถึงวันงานไม่ไหว

 

Pedro ขณะที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

 

แต่แล้วในวันที่ 9 สิงหาคม 2018 เขาก็สามารถเติมเต็มความฝันและความตั้งใจของตัวเองได้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงไปเดินด้วยตัวเอง แต่เขาก็ได้นอนอยู่บนเตียงของรถฉุกเฉิน จับมือลูกสาวเข้าไปในพิธี

Charlotte เล่าว่า “เราได้จ้างรถฉุกเฉินและพยาบาลส่วนตัวให้ช่วยดูแลพ่อ ในตอนแรกเราวางแผนที่จะให้พ่อได้นั่งรถเข็น แต่ร่างกายของเขาทำได้เพียงแค่นอนอยู่บนเตียงของรถฉุกเฉินเท่านั้น”

 

 

เธอบอกว่าในวันนั้นมันเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งประทับใจ และสะเทือนใจไปพร้อมๆ กัน เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานคุณพ่อก็จะต้องจากโลกนี้ไป แต่เธอก็ยังมีความสุขที่ได้เห็นพ่ออยู่เคียงข้าง ได้เห็นเธอเข้าพิธีแต่งงานในที่สุด

และสิ่งที่ทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตาทุกครั้งที่พูดถึงพ่อของเธอก็คือความเสียสละของเขา ซึ่งถึงแม้ว่าร่างกายจะต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน แต่พ่อก็ยอมอดทนเอาไว้และไม่ยอมปล่อยมือเธอเลย

 

พ่อหวังว่า Mark Cordova ผู้เป็นเจ้าบ่าว จะสามารถดูแลลูกสาวของเขาให้ดีที่สุด

.

 

เหตุการณ์นั้นได้ทำให้ทุกคนภายในงานถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปีติยินดี ที่ได้เห็นพ่อลูกคู่หนึ่งเติมเต็มความฝันให้กันและกันได้สำเร็จ

 

คลิปบรรยากาศภายในงาน

 

หลังจากผ่านไป 3 วัน Pedro ก็ได้จากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้า และลูกสาวของเขาก็ได้โพสต์ภาพช่วงเวลาสุดท้าย ในตอนที่เธอหอมแก้มพ่อในงานแต่ง พร้อมกับคำพูดที่ว่า “พ่อคะ หนูรักพ่อมากจริงๆ นะ”

 

ภาพสะเทือนอารมณ์ ในวันที่พ่อได้จากไป

 

ที่มา: ladbible , metro , mirror

Comments

Leave a Reply