เจ้าบ่าวใจสลาย จัดงานแต่งกับแฟนสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่เธอจากไปก่อนงานเริ่ม

เรื่องราวความรักที่รู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรมันก็ต้องถึงจุดจบ และมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปแม้ว่าเส้นทางความรักของเขาจะมีความผิดหวังรออยู่ที่ปลายทางก็ตาม…

Yang Feng หนุ่มชาวจีนวัย 27 ปี ตัดสินใจจัดงานแต่งงานกับคู่หมั้น Xiao Hui ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะเรื้อรัง ในโรงพยาบาลที่เธอรักษาตัวอยู่ในเมืองเจิ่งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน

สาเหตุที่นาย Yang ตัดสินใจจัดงานแต่งขึ้นมาก็เพราะว่าอาการของ Xiao ย่ำแย่ลงมาก เขาจึงอยากจะทำให้สิ่งที่เธอหวังมาตลอดคือการแต่งงานเกิดขึ้นอย่างที่เธอได้ตั้งใจเอาไว้

 

 

โดยกำหนดวันแต่งเอาไว้เป็นวันที่ 12 สิงหาคม 2561 แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะ Xiao ได้เสียชีวิตจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบในเวลา 17.20 น. ของวันงาน

 

 

ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวเมื่อรู้เรื่องราวดังกล่าวแล้วก็พยายามที่จะทำให้งานแต่งนั้นดำเนินต่อไปท่ามกลางผู้สื่อข่าวและแขกมากมายที่มาร่วมงาน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “งานแต่งงานนี้ผมไม่สามารถจัดมันต่อไปได้อีกแล้ว ขอให้ทุกคนออกไปด้วยครับ”

 

 

เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่นาย Yang เป็นคนส่งของ แล้วไปส่งที่บ้านของเธอ ทั้งคู่ตกหลุมรักกันตั้งแต่ตอนนั้นและตัดสินใจเดตกัน ทางด้าน Xiao เองก็บอกฝ่ายชายไว้ก่อนแล้วว่าเธอกำลังป่วย แต่เขาเองก็ยืนยันที่จะสานต่อความสัมพันธ์ต่อไป

“ผมรู้ว่าเธอป่วยตั้งแต่แรก แต่ผมก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต” Yang กล่าว

 

 

ตามรายงานระบุเอาไว้ว่า Yang ใช้เงินกว่า 3,000 หยวน (14,500 บาท) ถึง 4,000 หยวน (19,300 บาท) จากเงินเดือน 5,000 (24,100 บาท) หยวนของเขาเพื่อใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของแฟนสาว

เรื่องราวนี้ได้รับการแชร์ไปอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลจีน มีการแชร์ไปมากกว่า 2,000 ครั้ง และได้รับการกดไลก์กว่า 20,000 ครั้งด้วยกัน

 

 

ชาวเน็ตหลายคนต่างก็เข้ามาชื่นชมในความรักของพวกเขา

 

“นี่แหละคือความรักที่แท้จริง ไม่ได้หวังที่จะแก่เฒ่าไปด้วยกัน แต่เพียงแค่ได้อยู่ด้วยกันจนกระทั่งวาระสุดท้ายมาถึง ก็แค่นั้นเอง”

“ถ้าชีวิตหลังความตายมีจริง ผมหวังว่าทั้งสองคนจะได้พบกันอีก และขออย่าได้แยกจากกันอีกเลยนะ”

 

ลองไปชมคลิปเหตุการณ์แบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า…

 

ที่มา : nextshark视频三条

Comments

Leave a Reply