หญิงบอกหมาของตัวเองให้รู้ว่ามันไม่เป็นโรคมะเร็งแล้ว ท่าทางของมันดีใจโคตรๆ

การต่อสู้กับโรคมะเร็งเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่อยากพบเจอ เพราะโรคนี้รักษาได้ยากและมักทำให้คนที่เป็นจากไปก่อนเวลาอันควร

ดังนั้นเมื่อได้รู้ว่าตัวเองเอาชนะโรคมะเร็งได้แล้ว ไม่ว่าใครก็คงดีใจจนลิงโลดกันทั้งนั้น แม้แต่เจ้าหมาเองก็ไม่เป็นข้อยกเว้นเหมือนกัน ถึงมันจะพูดไม่ได้แต่ท่าทางของมันก็แสดงออกแทนคำพูดได้ดีทีเดียว

เจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ Lily กับเจ้าของจากรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่งได้รู้ไม่นานนี้เองว่าเจ้าหมามีเนื้อร้ายขนาดเกือบ 3 กิโลกรัมในร่างกาย

หมอบอกเธอว่าถึงจะให้เจ้าหมาผ่าตัดเนื้อร้ายนั้นออก แต่ก็มีโอกาสสูงมากทีเดียวที่มันจะเป็นมะเร็ง และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็จะมีเวลาใช้ชีวิตเหลืออีกเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

หมอยังบอกอีกว่าโอกาสที่เนื้องอกของเจ้าหมา จะไม่ใช่เนื้องอกร้ายนั้นมีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แถมตลอด 25 ปีที่สัตวแพทย์ทำงานมา ยังไม่เคยเจอกรณีที่หมามีเนื้องอกชนิดนี้เลย

อย่างไรก็ตามเจ้าของของ Lily ก็ยืนยันจะให้มันผ่าตัด และก็หวังอยู่ลึกๆ ว่ามันจะเป็นหมาตัวแรกในรอบ 25 ปีที่มีโอกาสรอดจากการเป็นมะเร็งจากเนื้อร้าย

หลังจากผ่าตัดแล้ว สัตวแพทย์ก็นำเนื้องอกนั้นไปตรวจสอบอีกทีหนึ่ง จากนั้นจึงโทรมาแจ้งผลการตรวจกับเธอที่บ้าน ซึ่งก็คือผลที่เธอกำลังจะบอกเจ้าหมาในคลิปวิดีโอนี้

ในคลิปวิดีโอเจ้าของบอก Lily ว่า “Lily หมอโทรมาแจ้งผลแล้วนะ เธอรู้ใช่ไหมว่าเธอมีเนื้องอกเกือบ 3 กิโล และสำหรับหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์แล้ว เธอมีโอกาสแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะไม่เป็นมะเร็ง

พวกเขาบอกว่าแกมีมะเร็งชนิดที่ฆ่าหมาแทบทุกตัวที่เป็น และตลอด 25 ปีที่ผ่านมาไม่มีหมาตัวไหนที่รอดเลย เราเลยควรเตรียมใจเรื่องของแกไว้ และหมอก็โทรมาแจ้งผลแล้วนะ นั่งลงแล้วฟังก่อนสิ (นั่งลงตามเจ้านายว่าเลย)

Lily แกไม่เป็นมะเร็งแล้วนะ แกเป็นหมาตัวแรกในรอบ 25 ปีที่รอดเลยนะ ‘พวกเขาบอกว่าแกไม่มีมะเร็งแน่นอน เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย’ แกจะได้อยู่กับฉันนานๆ แล้ว!!”

ตอนที่เธอบอกมันว่ามันไม่เป็นมะเร็งแล้ว เจ้าหมาก็ยิ้มร่าแล้วอยู่ไม่สุขเลย มันเองก็คงดีใจไม่น้อยกว่าเจ้าของหรอกที่มันได้อยู่กับเธอนานขึ้นอีก

ถ้าไม่เห็นเองก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน ว่าเจ้าหมาดูเหมือนจะฟังที่เจ้าของพูดรู้เรื่องหมดเลย แล้วแม้แต่หมาก็ดีใจที่ตัวเองไม่ป่วยเหมือนคนด้วย จริงๆ พวกมันก็อาจจะมีมีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างจากคนหรอกนะ

ที่มา: Unilad