กรณีศึกษาชายรับประทานปลาดิบ ติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ ต้องตัดแขนด้านซ้ายทิ้ง…

เมนูทะเลดิบๆ มักจะนิยมรับประทานกันในแถบประเทศเอเชีย และภายในบ้านเราเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเมนูยอดนิยมส่วนมากก็จะเป็นปลาดิบและหอยดิบ เป็นต้น

ทั้งนี้ การรับประทานอาหารทะเลดิบนั้นมีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ หากไม่ได้ทำตามกรรมวิธีขั้นตอนที่สะอาดเพียงพอ จนอาจนำไปสู่การสูญเสียอวัยวะกันได้เลยทีเดียว

 

 

กรณีศึกษาจาก ชายวัย 71 ปี จากประเทศเกาหลีใต้ ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ของวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine โดยแพทย์เจ้าของเคส

ได้กล่าวถึงคนไข้ที่รับประทานปลาดิบเข้าไป หลังจากระยะเวลา 12 ชั่วโมง มือซ้ายของเขาก็เริ่มมีอาการปวดแสบและบวมเป่งคล้ายกับลูกกอล์ฟอย่างรุนแรง รวมถึงมีไข้หนักอีก 2 วัน จนกระทั่งเข้ามาพบแพทย์เป็นการฉุกเฉิน

 

 

ตุ่มพองบนฝ่ามือนั้นมีขนาด 3.5 ซม. x 4.5 ซม. และลุกลามไปทั่วหลังมือจนถึงท่อนแขน แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาติดเชื้อ Vibrio vulnificus แบคทีเรียแกรมลบทรงแท่งที่มักจะพบได้ในอาหารทะเลดิบ

และในส่วนของการลุกลามนั้นก็เป็นเพราะเขามีประวัติป่วยเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ความดันโลหิตสูง และเป็นโรคไตระยะสุดท้าย ส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันล้มเหลวจนเชื้อแบคทีเรียกินแขนด้านซ้าย

 

 

แม้ว่าจะทำการรักษาเบื้องต้นด้วยการดูดหนองออกจากตุ่มพอง และตัดชิ้นส่วนมือที่ติดเชื้อออกไป พร้อมกับให้ยาปฏิชีวนะ แต่กลับไม่เป็นผล เพราะเชื้อแบคทีเรียได้กัดกินเนื้อบนมือซ้าย และลุกลามไปถึงแขนจนได้รับความเสียหายเกินกว่าที่จะเยียวยาได้

ท้ายที่สุดแล้วแพทย์จึงต้องทำการตัดมือและแขนซ้ายของเขาทิ้งไป เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียลุกลามไปมากกว่านี้ นับว่าเป็นช่วงเวลา 25 วันหลังจากที่รับประทานปลาดิบดังกล่าว…

 

Jeanette LeBlanc

 

และเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะเมื่อปีที่แล้ว Jeanette LeBlanc ประสบกับเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อเช่นเดียวกัน หลังจากที่เธอรับประทานหอยนางรมดิบเข้าไป

 

ขาเริ่มบวมพองและเน่าเปื่อย

 

ส่งผลทำให้ขาทั้งสองข้างเน่าเปื่อยภายใน 48 ชั่วโมง และเธอต่อสู้กับแบคทีเรียดังกล่าวได้เพียง 21 วันก่อนที่จะเสียชีวิตลง

 

ที่มา: nejm, dailymail, cbsnews

Comments

Leave a Reply