บนโลกใบนี้มีผู้คนอยู่มากมายหลายล้านคน แน่นอนว่าแต่ละคนมีชาติพันธุ์ที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงทั้งภาษาและวัฒนธรรมอีกด้วย
ซึ่งเรื่องของวัฒนธรรมนี่แหละที่จะกลายมาเป็นประเด็นที่เราจะพูดถึงในวันนี้ เมื่อโลกเกือบต้องเข้าสู่ World War Tea (สงครามน้ำชา) กันเสียแล้วเพราะวัฒนธรรมชาของแต่ละประเทศไม่เหมือนกันนี่แหละ!!
เริ่มโดยที่มีคนนำรูปโฆษณาเซตนักเก็ตของทาง McDonald มาลงใน Tumblr
ก็มีชาวเน็ต A เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “ทำไมผู้คนยังมีคำถามเกี่ยวกับโรคอ้วนในคนอเมริกา?” ส่วนชาวเน็ต B ก็เข้ามาแสดงความเห็นว่า “ทำไมชาถึงเป็นของเหลวไปได้ฟระ”
ชาวเน็ต A ก็เลยถามตอบไปว่า “นายอยู่ที่ไหน ที่ชาไม่ได้เป็นของเหลวฟระ!?” นาย B เลยตอบมาว่า “อยู่อังกฤษไง ที่ซึ่งชาจะอยู่ในถุงและนายต้องทำมันเอง แล้วพวกนายทำยังไงกับชาที่มันเป็นของเหลวอยู่แล้วอ่ะ อุ่นมันในไมโครเวฟเรอะ!?”
ชาวเน็ต A: ไม่ๆ มันเป็นชาหวาน ต้องดื่มตอนเย็นๆ
*ชาวเน็ต C โผล่มา*: ใครเขาดื่มชาแบบเย็นๆ กัน???
*ชาวเน็ต D โผล่มาด้วย*: นี่พวกนายไม่เคยดื่มชาเย็นหรือชาหวานกันมาก่อนเลยหรือ?
*ชาวเน็ต E มาเสริม*: ฉันเคย Reblog (คล้ายๆ กดแชร์) โพสต์จากสมาชิกชาวอังกฤษและฉันก็ต้องขำเมื่อไล่ดูแฮชแท็กของพวกเขา (ซึ่งในแฮชแท็กก็มีแต่ข้อความของชาวอังกฤษที่มึนงงว่าอะไรคือชาเย็น ถึงขนาดมีแฮชแท็กที่บอกว่าอเมริกา เอ็งทำอะไรกับชาไปน่ะ)
ก็เลยมีชาวเน็ต F ออกมาบอกว่า “อังกฤษ นายขโมยชามาจากจีนนะ นายมีประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมันประมาณ 400 ปีแต่ของพวกเขาอ่ะ 3,000 ปีเลยล่ะ อย่ามาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหน่อยเลย”
จากนั้นชาวเน็ตอื่นๆ ก็เริ่มเข้ามาคอมเมนต์กัน บ้างก็ว่า “กระสุนถูกยิงไปแล้ว สงครามชาโลก (ล้อเลียนสงครามโลกครั้งที่สาม เล่นคำ Tea กับ Three) เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ”
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงรัก Tumblr!!”
“ดื่มชาเย็นมันก็เหมือนกับการดื่มช็อกโกแลตร้อนที่เย็นนั่นแหละ แน่นอนว่าคุณดื่มได้ แต่มันไม่ควร”
เดี๋ยวก่อน ชาวอังกฤษ นายรู้จักนมช็อกโกแลตมั้ย
ก็เรียกได้ว่ามีทั้งดราม่า ทั้งความอยู่ในสงครามชาโลกหรือ World War Tea ครั้งนี้ล่ะนะ 55
ที่มา Boredpand, ConsciousHeart
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.