หากใครที่เคยเจอเส้นผมหรือแมลงสาบในอาหารที่เราสั่งมา บอกเลยว่าสิ่งเหล่านั้นจะดูธรรมดาไปในทันทีเมื่อเทียบกับสิ่งที่หญิงสาวคนนี้ต้องเจอติดกันถึง 2 ครั้ง
สำนักข่าวท้องถิ่นในประเทศจีนรายงานว่า หญิงสาวแซ่ Ni ได้ไปกินอาหารที่ภัตตาคาร Haidilao สาขาที่ตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้น ในวันที่ 28 กันยายน 2018 แล้วเธอก็ได้เจอกับ “ผ้าอนามัย” ภายในหม้อสุกี้!!
ช่วยให้อาหารอร่อยขึ้นเยอะเลยทีนี้
เธอได้ถ่ายสิ่งที่พบอัพลงในโซเชียลมีเดีย เผยให้เห็นว่ามีผ้าอนามัยอยู่ภายในหม้อสุกี้ที่เธอสั่งมากิน ก่อนที่เธอจะโวยวายกับทางร้านอาหารดังกล่าว มีการถกเถียงกันกับพนักงานภายในร้าน ทำลายข้าวของ ภาชนะบนโต๊ะ
จากการรายงานยังบอกอีกว่าเธอได้เรียกร้องขอค่าเสียหายจากทางร้านเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านหยวน (ราวๆ 4.7 ล้านบาท) ก่อนที่เธอจะลดจำนวนลงขอแค่ 500,000 หยวน (ราวๆ 2.35 ล้านบาท)
ตำรวจได้เข้าไปควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในร้าน โดยไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าผ้าอนามัยที่พบนั้นอยู่ในหม้อสุกี้มาก่อนแล้ว หรือว่าสาวแซ่ Ni เป็นคนนำไปใส่เองกันแน่
เจ้าหน้าที่จึงทำได้เพียงแค่บอกให้ลูกค้าสาวชดใช้ค่าเสียหายที่ทำลายข้าวของไป และยังคงสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อ
ยังไม่จบหรอกนะ เพราะเธอดันไปเจอกับผ้าอนามัยในหม้อสุกี้อีกแล้ว!!
แต่เรื่องมันยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะวันต่อมาสาวแซ่ Ni คนเดิมได้ไปกินสุกี้ในร้านอาหารอีกแห่งภายในเมือง และสิ่งที่เธอพบก็คือวัตถุที่มีลักษณะเหมือนๆ กันภายในหม้อ (โชคดีเกิ๊นนน เจอผ้าอนามัยถึง 2 รอบ!!)
ครั้งนี้เธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่าผ้าอนามัยทั้ง 2 ชิ้นที่เธอเจอในร้านสุกี้ทั้ง 2 ร้านนั้นมันไม่ใช่ของเธอ เธอไม่ได้เป็นคนใส่ลงไปเอง แต่มันมีอยู่ข้างใต้หม้อน้ำซุปที่เธอกินจริงๆ
หญิงสาวให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันไม่ได้ต้องการเงินชดเชยจำนวนมากอะไรหรอกนะ ฉันแค่ต้องการความจริง และตอนนั้นที่เรียกร้องค่าเสียหายก็เพราะความโมโหเท่านั้นเอง”
ในครั้งที่ 2 นี้เธอได้ทำการยื่นเรื่องให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของความสะอาดและความปลอดภัยในอาหาร รวมถึงตรวจสอบความปลอดภัยในน้ำมันที่ใช้ในท้องถิ่นด้วย
คลิปการรายงานข่าวสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้มูลค่าหุ้นของร้านอาหารชื่อดังอย่าง Haidilao ตกลงไปเพียงแค่ 7.6 บาท แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้กระทบต่อร้านอาหารสักเท่าไหร่นะ
ในทางกลับกัน ตำรวจได้ทำการสืบหาข้อเท็จจริงของเรื่องและพบว่าสาวแซ่ Ni นั้นเคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไบโพลาร์ (อารมณ์แปรปรวนสองขั้ว) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตรวจสอบต่อๆ ไป
ที่มา: shanghai
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.