โรคอะนอเร็กเซียหรือโรคคลั่งผอม คือหนึ่งในภาวะความผิดปกติทางจิต ส่งผลทำให้ผู้ป่วยมีความบกพร่องในพฤติกรรมการกิน เนื่องจากคิดว่าตนเองอ้วน ทั้งๆ ที่ผอมมากอยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ผอมมากขึ้นจนเสียสุขภาพ
ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นเพศหญิง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Athina Crilley นักศึกษาวัย 22 ปี ผู้ป่วยที่ทุกข์ทรมานกับอาการคลั่งผอมมาตั้งแต่อายุ 13 ปี
น้ำหนักตัวที่ต่ำที่สุดของ Athina คือ 34 กิโลกรัม เกิดขึ้นมาจากความพยายามอยากผอมของเธอ ส่งผลร้ายทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และใช้เวลาต่อสู้กับมันนานถึง 7 ปี
ด้วยความตั้งใจครั้งแรก เธอออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง และลดการทานอาหารแบบสุดโต่ง ด้วยระยะเวลาเพียง 5 เดือนเธอก็มีน้ำหนักลดลงไปเกือบ 20 กิโลกรัม
ผลพวงจากน้ำหนักที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้พ่อกับแม่ต้องพาเธอไปรับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นครั้งแรก
Athina กล่าวว่า ความรู้สึกในตอนนั้นก็คืออยากลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อย แต่แล้วกลับรู้สึกอยากผอมมากกว่านั้น ซึ่งจากน้ำหนักที่ลดลงไป มันทำให้เธอรู้สึกดีในช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นก็เริ่มอ่อนแรงลงทุกวัน
ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปี Athina จะต้องเข้ารับการพักฟื้นอยู่หลายหน แต่แล้วนิสัยเดิมๆ ก็กลับมาในระยะเวลาไม่กี่เดือน อาการป่วยคลั่งผอมเกือบจะเอาชีวิตเธอไปหลายหน และเคยต้องนอนโรงพยาบาลถึง 5 ครั้ง
“ฉันทานอาหารเพียงแค่ 400 แคลอรีต่อวันเท่านั้น แล้วก็ใช้เวลาออกกำลังกายหนักประมาณ 2 ชั่วโมง กิจวัตรประจำวันก็ตื่นขึ้นมา 7 โมงเช้า แล้วก็ออกไปยิมทันที ไปวิ่งต่อ…
จากนั้นก็ไปเรียนที่มหา’ลัย จะกลับบ้านมาทานอาหารประมาณ 1 ทุ่ม ในระหว่างวันไม่มีอะไรเข้าปากเลย แม้แต่น้ำหยดเดียว”
“มันส่งผลกระทบกับฉันแทบทุกทาง นอกเหนือจากสภาพร่างกายแล้ว ฉันก็จะอยู่แต่ในบ้านตัดขาดตัวเองจากคนอื่นๆ พอเป็นแบบนี้ แค่จะลุกออกมาจากเตียงเพื่อไปเรียนยังยากเลย” Athina กล่าว
จากความล้มเหลวที่จะควบคุมอาการให้หายไปหลายครั้ง ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เริ่มปรับเปลี่ยนหาวิธีฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง ด้วยการทานอาหารเพิ่มแคลอรีให้มากขึ้นนั่นเอง
การควบคุมอาหารให้ปริมาณที่พอเหมาะ พร้อมกับการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ อาการคลั่งผอมก็หายไปในเพียงไม่กี่ปี และเธอเริ่มกลับมามีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 20 กิโลกรัม
“ในโรงพยาบาล จะบังคับให้คุณทานอย่างต่ำ 2,000 แคลอรี และฉันก็ปรับใช้ด้วยการเพิ่มขึ้นทีละนิด โดยไม่ได้นับแคลอรี เพราะรู้สึกว่าหิวมากกว่าเดิม ก็ต้องเพิ่มปริมาณเข้าไปอีกหน่อย”
ปัจจุบัน Athina ยังคงไปยิม 5 วันต่อสัปดาห์ ตั้งเป้าที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงให้ได้มากที่สุด ด้วยการออกกำลังกายและทานอาหารให้เหมาะสม อีกทั้งยังได้เป็นเทรนเนอร์ประจำยิมด้วย
เธอเอ่ยว่าการพักฟื้นที่ผ่านมา ช่วยสอนให้รู้ว่าจงเชื่อมั่นในตัวเอง แม้จะมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็ตาม เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องเริ่มจากตัวเอง ทำตัวเองแล้วจะไม่มีใครมาช่วยได้ นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนความคิดของเราเอง
ที่มา: ladbible, storytrender
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.