ในเรื่องของระบบการศึกษาในแต่ละประเทศนั้น ก็มักจะมีมุมมองและวิธีการเรียนการสอนที่แตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่แล้วประเทศในภูมิภาคเอเชีย ขึ้นชื่อได้ว่าเรียนหนักมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
กรณีนี้มาจากคุณพ่อชาวไต้หวันนามสกุล Lim ได้ทำการเล่าถึงจุดแตกหักระหว่างครอบครัวของเขา กับโรงเรียนที่ส่งลูกเข้าไปรับการศึกษา โดยหักกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่ครูสั่งและไม่สนใจไยดีอะไรใดๆ
โดยเรื่องเริ่มจากการที่ ภรรยาของเขาตื่นขึ้นมากลางดึกประมาณตีสาม แต่แล้วสังเกตเห็นว่าไฟในห้องนอนของลูกชายยังเปิดอยู่ พบว่าลูกชายยังคงนั่งทำการบ้าน คัดลอกตำราเรียนจำนวน 22 หน้า อันเป็นการถูกทำโทษจากคุณครู
ภรรยาจึงได้โทรแจ้งให้คุณพ่อ Lim ได้ทราบ และกลับมาที่บ้านเพื่อถามลูกชายว่า ‘จะทำเสร็จไหม’ และลูกชายตอบกลับมาว่า ‘ไม่’
คุณพ่อจึงทำการฉีกสมุดการบ้านและตำราเรียนของลูกทิ้งหมด พร้อมกับโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กระบุว่า “คุณครูครับ ผมฉีกตำราและสมุดการบ้านของลูกชายหมด และผมก็ขอให้เขาไปนอนแล้ว”
ทั้งนี้ เบื้องหลังเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความอดทนครั้งสุดท้ายของคุณพ่อ เพราะก่อนหน้านี้เคยเจรจากับคุณครูที่โรงเรียนถึงจำนวนการบ้านที่เยอะเกินไป
ซึ่งทางด้านครูเองได้ให้เหตุผลว่าจะไม่เป็นธรรมกับเด็กคนอื่นๆ และแนะนำให้ลูกชายทำต่อให้เสร็จ แม้จะส่งไม่ทันกำหนด ก็อนุญาตให้ส่งทีหลังได้
แต่คุณพ่อกลับมองว่า เด็กจะได้เรียนรู้อะไรจากการคัดลอกตำราเรียน โดยที่ไม่ได้สนใจเนื้อหาจริงๆ ลักษณะเป็นการท่องจำแบบยัดเยียด
“แม้แต่ผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังยากที่จะทำให้เสร็จส่งทันเวลา แล้วเด็กจะทำได้มั้ย” จุดยืนของคุณพ่อคือการสนับสนุนลูก แต่ไม่ใช่การตามใจลูก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเป็นเรื่องแล้ว คุณพ่อไม่เห็นด้วยกับระบบการเรียนการสอนแบบนี้ จึงตัดสินใจย้ายโรงเรียนให้กับลูกแทน เพราะหากเจอแบบนี้ต่อไป การศึกษาคงไม่ต่างจากการทรมานเด็กทั้งเป็น
และมุมมองของคุณพ่อ Lim ที่มีต่อลูกชายนั้น เขาจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะความสุขและเวลาพักผ่อนของลูกนั้น มีคุณค่ามากกว่าความสำเร็จทางด้านการศึกษา…
ที่มา: seehua, worldofbuzz
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.