ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตามองอย่างต่อเนื่อง กับประเด็นการสังหารนักข่าวอิสระชาวซาอุดีอาระเบีย Jamal Khashoggi ภายหลังจากการเดินเข้าไปในอาคารกงศุลซาอุฯ ในประเทศตุรกี และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จนพบหลักฐานคลิปเสียงจากสมาร์ทวอชท์ที่อัดไว้ ระหว่างถูกทารุณกรรม จนสิ้นเสียงของเขาไปในที่สุด…
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: สรุปไทม์ไลน์ ‘นักข่าวซาอุฯ’ หายตัว ก่อนถูก ‘สังหารโหด’ ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง??
เปิดภาพกล้องวงจรปิด คดีฆาตกรรมนักข่าวซาอุฯ อำพรางด้วยร่างตัวแทน สวมใส่ชุดผู้ตาย…
นาย Sahel จับมือกับสมเด็จพระราชาธิบดี Salman bin Abdulaziz Al Saud
โดยเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2018 สำนักข่าว Al Jazeera ได้ทำการรายงานต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เกิดเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วโลกออนไลน์
หลังจากมีการเผยแพร่ภาพของนาย Salah และพี่ชาย Sahel ลูกชายของนาย Jamal เข้าพบสมเด็จพระราชาธิบดี Salman bin Abdulaziz Al Saud กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย พร้อมกับมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman
Custodian of the Two Holy Mosques Receives Sahl and Salah Khashoggi.https://t.co/FNuNPoPcrg#SPAGOV pic.twitter.com/RvgG2Bf8XJ
— SPAENG (@Spa_Eng) October 23, 2018
การเข้าพบกับราชวงศ์ Salman ในครั้งนี้ ถูกจัดขึ้นโดยหน่วยงานรัฐบาลของซาอุฯ ในบริเวณพระราชวังยะมามะฮ์ ในกรุงริยาด โดยมีจุดประสงค์เพื่อแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนาย Jamal
Salah จับมือกับสมเด็จพระราชาธิบดี Salman bin Abdulaziz Al Saud
ทั้งนี้ จากแหล่งข่าวของกลุ่มผู้ใกล้ชิดกับครอบครัวของนาย Jamal ระบุว่า นาย Salah ถูกสั่งห้ามออกนอกประเทศหลังจากที่ผู้เป็นพ่อ ทำการเขียนข่าววิจารณ์มกุฎราชกุมารให้กับทางสำนักข่าว Washington Post
นาย Salah จับมือกับมกุฎราชกุมาร Mohammed bin Salman
ท่ามกลางความสงสัยของสื่อนานาชาติจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ต้องสงสัยที่เป็นเบื้องหลังสั่งการในครั้งนี้ ยังคงเป็นมกุฎราชกุมาร แม้ว่าพระองค์ทรงปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นใดๆ แล้วก็ตาม
ซึ่งหลังจากที่ภาพชุดนี้ถูกเผยแพร่ออกมา กลับมีเสียงวิจารณ์ด้านลบอย่างหนัก โดยพยายามชี้ให้เห็นว่าเป็นการจัดฉากต่อหน้าสื่อ บีบบังคับและไม่มีความจริงใจใดๆ
https://twitter.com/manal_alsharif/status/1054737221507522560
Manal al-Sharif นักเขียนหญิงได้ทวีตระบุไว้ว่า “Salah ลูกชายของนาย Jamal ผู้ถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกนอกประเทศ พวกเขาถูกนำตัวมายังพระราชวังเพื่อน้อมรับการแสดงความเสียใจ แต่ดูสีหน้าของเขาแล้ว ภาพนี้มันแทบจะทำให้ฉันอยากกรีดร้องและอาเจียนออกมา”
https://twitter.com/fqadi/status/1054750926282678272
ด้านนาย Fadi Al-Qadi นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในตะวันออกกลาง ได้ทำการแนบคลิปวิดีโอ พร้อมกับระบุไว้ว่า “นี่คือวิดีโอสำหรับเหตุการณ์นี้ Salah ต้องจับมือกับบุคคลที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้สังหารพ่อตัวเอง โหดเหี้ยม โหดเหี้ยม และโหดเหี้ยม”
https://twitter.com/KamahlAJE/status/1054730786165923840
นาย Chris Doyle จากองค์กร Council of Arab-British Understanding กล่าวกับทางสำนักข่าว Al Jazeera ไว้ว่า การเข้าพบปะในครั้งนี้ถูกจัดขึ้น เพื่อหาผลประโยชน์ทางการประชาสัมพันธ์ด้านบวก
แต่ด้วยกระแสตอบรับจากโลกออนไลน์ กลับมองว่าเป็นการสื่อสารที่ล้มเหลว จากประเด็นข่าวฉาวสังหารนาย Jamal
“ภาพดังกล่าวเป็นการแสดงความใจกว้างของราชวงศ์ ที่มีต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่สิ่งที่เราเห็นนั้นสามารถบอกเล่าได้เป็นหลายพันคำ มันแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในใจของนาย Salah ลูกชายของนาย Jamal ระหว่างการเข้าพบกับกษัตริย์ และมกุฎราชกุมาร”
ในโลกออนไลน์ต่างวิจารณ์ในแง่ลบของภาพชุดนี้ ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายการประชาสัมพันธ์ที่ดี
REPULSIVE.
Saudi tyrant 'MBS' – aka Mohammed Bone Saw – forces Jamal Khashoggi's son to do a PR photo-op handshake, days after ordering his father's torture, dismemberment & murder.
A new low, even by the medieval standards of this barbaric crown prince. pic.twitter.com/mduNqfcSxe— Piers Morgan (@piersmorgan) October 23, 2018
.
The murderer summons the son of the murdered.
Just to falsely give the image of accountability.
Imagine the pain – and fear – of #JamalKhashoggi's son, being forced to partake in this sham to protect the murderer of his father?
— Trita Parsi (@tparsi) October 23, 2018
.
Today, #JamalKhashoggi’s son Salah was forced to give the Crown Prince a photo op at the Royal Court. Look at his face. It’s important to note that Salah has been banned for over a year from leaving the Kingdom, he has not been able to mourn with his siblings who are US citizens. pic.twitter.com/lxKxaLHo7e
— Yashar Ali 🐘 (@yashar) October 23, 2018
ปัจจุบัน ยังไม่มีใครสามารถระบุผู้อยู่เบื้องหลังคดีในครั้งนี้ได้ โดยที่ทางการซาอุฯ ระบุไว้ว่าทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 18 ราย พร้อมกับปลดเจ้าหน้าที่อาวุโสหลายราย
แต่สำหรับมกุฎราชกุมารนั้นแทบจะไม่ถูกพูดถึงเลย และตัวพระองค์เองยังคงยืนยันหลายครั้ง ทรงปฏิเสธต่อสื่อ ไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องใดๆ กับการสังหารในครั้งนี้
ที่มา: spa.gov.sa, aljazeera
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.