พวกเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “ขยะพลาสติก” เป็นปัญหาระดับโลกที่ควรต้องได้รับการแก้ไขให้ได้มากที่สุด เพราะการที่มันเป็นขยะที่ย่อยสลายได้ยาก จึงสามารถส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมและธรรมชาติได้อย่างมหาศาล
และเพื่อเป็นอีกแรงหนึ่งที่จะทำให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาข้อนี้ Daniel Webb หนุ่มชาวอังกฤษจึงตัดสินใจเก็บสะสมขยะพลาสติกของตัวเองตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นว่ามันมีเยอะมากขนาดไหน
Daniel ผู้พยายามให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติก
ตลอดระยะเวลา 1 ปีในการเก็บสะสมขยะพลาสติกของตัวเองที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มันมีทั้งสิ้นกว่า 4,490 ชิ้นเลยทีเดียว เฉลี่ยแล้ววันละ 12 ชิ้นเลยทีเดียว
ขยะพลาสติกที่เขาใช้อยู่เรื่อยๆ ก็จะมีตั้งแต่ ขวดนม พลาสติกห่ออาหารหรือขนม ฝาแก้วกาแฟ และพวกของใช้อื่นๆ อีกมากมาย
.
นอกจากที่เขาจะทำให้ทุกคนได้รู้ว่ามันเยอะมากขนาดไหนแล้ว เขายังได้ร่วมมือกับดอกเตอร์ Julie Schneider นักวิจัยที่ช่วยศึกษาวิเคราะห์เกี่ยวกับขยะพลาสติกต่างๆ ที่ Daniel เก็บเอาไว้
จากข้อมูลบอกว่า 93 เปอร์เซ็นต์ของขยะพลาสติกที่ Daniel ใช้ทั้งหมดเป็นการใช้ครั้งเดียว (แบบขวดนมที่พอกินหมดแล้วก็ไม่ได้นำมาใช้ซ้ำ) และมีมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ที่ปัจจุบันยังคงไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้
.
เมื่อเทียบกับข้อมูลขยะรีไซเคิลแล้ว มีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมดที่สามารถรีไซเคิลได้ และมีเพียงแค่ 4 เปอร์เซ็นต์จากส่วนนั้นที่สามารถรีไซเคิลได้ในโรงงานขยะที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ที่เหลือต้องส่งไปรีไซเคิลที่อื่น
แล้วถามว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของขยะพลาสติกที่รีไซเคิลไม่ได้นั้นจะไปอยู่ไหน? คำตอบคือมันจะถูกส่งไปทิ้งกองไว้ที่ที่ทิ้งขยะ หรือไม่ก็อาจจะเอาไปเผา ซึ่งทั้ง 2 ทางก็จะส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม
.
บางคนอาจสงสัยว่า Daniel เป็นคนใช้ขยะพลาสติกเยอะเองหรือเปล่า คำตอบคือปริมาณการใช้ขยะพลาสติกของเขานั้นถือว่าใกล้เคียงกับเกณฑ์ค่าเฉลี่ยในสหราชอาณาจักรมาก
โดยในสหราชอาณาจักรนั้น แต่ละปีจะมีขยะพลาสติกถูกทิ้งมากถึง 295,000 ล้านชิ้นเลยทีเดียว
.
Daniel บอกว่าเหตุผลที่เขาทำอย่างนี้ เพื่อต้องการให้ทุกคนได้เห็นและตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น จำเป็นที่จะต้องช่วยกันแก้ไขหรือพัฒนาศักยภาพในการแก้ปัญหาที่ว่านี้ให้ได้มากที่สุด
เพราะฉะนั้นแล้ว วิธีแก้ง่ายๆ ที่เราทำได้เองในตอนนี้ก็คือ “การลดใช้ขยะพลาสติกให้น้อยลง” อย่างเช่นพวก ถุงพลาสติก ขวดน้ำ หลอด เป็นต้น แล้วลองหันไปใช้วัสดุที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดปัญหาที่ว่าได้บ้างแล้ว
ที่มา: mirror
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.