จากอดีตจนถึงปัจจุบัน จำนวนประชากรมนุษย์มีการเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่การเพิ่มขึ้นของจำนวนดังกล่าวได้สวนทางกับจำนวนสปีชีส์ของสัตว์และพืช เนื่องจากมีการรุกล้ำธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดดูเหมือนว่าธรรมชาติจะใกล้ถึงทางตันเสียแล้ว เมื่อองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลหรือ World Wildlife Fund (WWF) ได้ออกมาบอกว่ามนุษย์รุ่นที่มีอยู่ตอนนี้จะเป็น “รุ่นสุดท้าย” ที่สามารถช่วยธรรมชาติได้
จากผลของดัชนีชี้วัดความหลากหลายทางชีวภาพในปีนี้ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกพบว่าตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมาประชากรสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม, สัตว์ปีก, สัตว์น้ำและสัตว์เลื้อยคลานกว่า 60% ได้หายไปเสียแล้ว
นี่มันผลพวงมาจากการเพิ่มขึ้นของการบริโภคอาหารและทรัพยากรที่มากขึ้นของคนทั่วโลก ทำให้ก่อเกิดมลพิษและการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
จากรายงานได้บอกถึงอัตราการสูญพันธุ์ในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นสูงเป็น 1,000 เท่าก่อนที่มนุษย์จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสัตว์และธรรมชาติ
ในตอนนี้นกทะเลกว่า 90% มีพลาสติกอยู่ในกระเพาะของพวกมันกันทั้งนั้น หากเทียบกับในปี 1960 พบว่ามีเพียง 5% เท่านั้น
จากรายงานพบว่าจากที่ผ่านมา 50 ปี รอยเท้านิเวศน์ (หน่วยที่เอาไว้วัดผลกระทบต่อธรรมชาติจากกิจกรรมที่มนุษย์ทำ) เพิ่มขึ้นกว่า 190%
หากเราต้องการระบบที่มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืนแล้วต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ทรัพยากร การบริโภคและการผลิตต่างๆ อย่างรวดเร็ว
Tanya Steele ผู้บริหารระดับสูงของ WWF ได้บอกว่า “พวกเราเป็นรุ่นแรกที่รู้ว่าเรากำลังทำร้ายธรรมชาติ ทำร้ายโลกของเรา และก็เป็นรุ่นสุดท้ายที่สามารถช่วยมันได้
หากเราต้องการโลกที่มีสัตว์ต่างๆ มีอากาศบริสุทธิ์และมีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคนบนโลก เราต้องช่วยกันลงมือทำในทันที มาเริ่มจัดการกับโลกใบใหม่และเริ่มกระบวนรักษาโลกนี้กันเถอะ”
ที่มา Unilad, World Wildlife Fund
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.