กว่าที่การแพทย์ของมนุษย์จะก้าวหน้ามาได้แบบปัจจุบัน มนุษย์เราก็ผ่านการศึกษาทางการแพทย์มามากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาสรีระในสมัยก่อน หรือแม้กระทั่งการทดลองกับมนุษย์ในช่วงสงคราม
แต่ถึงแม้ว่าการแพทย์ของมนุษย์จะพัฒนามากขึ้นทุกวันนี้แล้ว คนเราก็ยังไม่หยุดที่จะศึกษาเพิ่มเติม แถมการศึกษาบางอย่างยังฟังดูแปลกแบบสุดๆ เลยด้วย เหมือนอย่าง 5 การศึกษาสุดแปลกต่อไปนี้
เริ่มกันที่การทดลองที่ให้คนดื่มเหล้าจนเมาของวารสาร Human Factors
นี่เป็นการทดลองที่ทำขึ้นเพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการขับขี่ของคนสี่กลุ่มในปี 2006 โดยกลุ่มที่หนึ่งจะถูกเชิญไปดื่มค็อกเทลจนเมาเละเทะ กลุ่มที่สองจะถูกสั่งให้ใช้มือถือโทรศัพท์คุยไปด้วยระหว่างขับรถ กลุ่มที่สามให้ใช้สมอลทอร์คคุยโทรศัพท์ไปด้วยระหว่างขับรถ และกลุ่มที่สี่เป็นคนปกติ
แน่นอนว่าผลที่ออกมาของสามกลุ่มแรกนั้นเละเทะสุดๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าการใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนเมาเสียอีก โดยการใช้โทรศัพท์แบบใช้มือถือ ทำให้เกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนปกติถึง 5 เท่า
การศึกษาอาการแพ้ถั่วบราซิลผ่านน้ำอสุจิ
เรื่องของเรื่องคือมีผู้หญิงที่แพ้ถั่วบราซิลคนหนึ่งเกิดอาการแพ้ถั่วหลังจากมีเซ็กซ์กับแฟนที่กินถั่วบราซิลมา ทั้งๆ ที่เขาทั้งอาบน้ำและแปรงฟันมาแล้ว ทำให้เกิดความสงสัยว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เธอมีอาการแพ้ จนเกิดเป็นการทดลองขึ้น
โดยในการทดลองนี้แพทย์ได้ฉีดน้ำอสุจิของแฟนที่กินถั่วบราซิลไปได้ 4 ชั่วโมงลงไปที่ผิวของเธอ และพบว่าว่าการแพ้ของหญิงสาวนั้นสามารถเกิดจากโปรตีนของถั่วบราซิลที่อยู่ในน้ำอสุจิได้ด้วย
การทดลองกำลังแขนของศพ
นี่เป็นการทดลองที่เกิดขึ้นในปี 2015 เพื่อพิสูจน์แนวคิดที่ว่าการที่มือมนุษย์ต่างไปจากลิง (ฝ่ามือและนิ้วสี่นิ้วสั้นกว่าลิง แต่มีนิ้วโป้งยาวกว่า) ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่เพื่อใช้เครื่องมือ แต่เพื่อการต่อสู้ด้วย
อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้แรงของกล้ามเนื้อเข้ามาเป็นตัวแปร นักวิทยาศาสตร์จึงใช้แขนที่ตัดมาจากศพในการทดลองนั่นเอง
โดยผลการทดลองพบว่าการกำมือโจมตีของมนุษย์ทำให้เกิดแรงกระแทกมากกว่าการแบมือถึง 2 เท่า ซึ่งหมายความว่าการที่มนุษย์มีมือต่างไปจากลิง มีส่วนช่วยในการต่อสู้จริงๆ
การทดลองที่ให้คนดื่มเลือดตัวเอง
การทดลองนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับแวมไพร์ หรือโรคแวมไพร์ (โพรพีเรีย) แต่อย่างใด แต่ทำเพื่อศึกษาโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังต่างหาก
เพราะการตรวจโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังตามปกติจะมีข้อจำกัดในการตรวจโปรตีนโปรเทคติน เนื่องจากหากมีเลือดออกในลำไส้จะทำให้โปรตีนโปรเทคตินคลาดเคลื่อนได้ ทำให้ที่ผ่านๆ มาการตรวจโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังทำได้ค่อนข้างลำบาก
ดังนั้นเพื่อจะให้ทราบแน่ชัดว่าต้องมีเลือดออกในลำไส้ขนาดไหนที่จะทำให้โปรตีนโปรเทคตินคลาดเคลื่อนจึงได้เกิดการทดลองให้อาสาสมัครดื่มเลือดของตัวเองเกิดขึ้นนั่นเอง
การศึกษาที่นักวิจัยสวนทวารตัวเอง
นี่เป็นการทดลองที่เกิดขึ้นจากการที่ดร.อากิระ โฮริอุจิ คิดค้นวิธีนั่งส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยตัวเอง แถมยังทำมันเองถึง 4 ครั้งในระยะเวลา 2 เดือนอีกด้วย
เขาได้ทำการบันทึกผลการทดลองไว้ในวารสาร Gastrointestinal Endoscopy หลังจากนั้น และดูเหมือนว่าเหตุผลที่เขาทำมันจะเป็นเพราะเขาอยากให้คนป่วยที่ไม่กล้ามาส่องกล้องรู้ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิดหรอกนั่นเอง
ที่มา livescience
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.