“อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง” หรือ “การเหยียดเชื้อชาติ” นั้นอาจเกิดขึ้นจากทัศนคติส่วนตัว หรือความไม่พอใจส่วนบุคคล
แต่กับบางครั้ง เราก็ไม่อาจตีความได้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป เช่นเดียวกับการแจ้งข้อหากับ “สุนัข” หลังมันถูกมองว่าเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ?!
เจ้าหน้าที่ตำรวจในสหราชอาณาจักรได้ทำการรื้อคดีความจำนวนมากที่เคยถูกแจ้งเข้ามาในช่วงปี 2015-2016 ที่ทางฝั่งผู้เสียหายอ้างว่าเป็นการก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง หรือการเหยียดเชื้อชาติ
คดีหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ การที่สุนัขตัวหนึ่งถูกแจ้งข้อหาว่ามันเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ เพราะมันมักจะมา “อึที่หน้าบ้าน” ของเหยื่อ
เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำการจับกุมสุนัขตัวดังกล่าวในฐานะอาชญากรแต่อย่างใด และยิ่งไปกว่านั้นคือคดีความในลักษณะเดียวกันนี้ก็มีแจ้งเข้ามามากกว่า 2,507 ครั้ง ในช่วงเวลาเพียงแค่เกือบ 2 ปี
จากกฎหมาย “เสรีภาพด้านข้อมูลข่าวสาร (Freedom of Information laws)” ของภาครัฐ ทำให้ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2018 ทางสหราชอาณาจักรได้มีการรื้อนำคดีความในลักษณะเดียวกันนี้ที่เกิดขึ้นช่วงปี 2015-2016 ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ
นอกจากจะมีเรื่องของสุนัขที่ไปอึหน้าบ้านคนอื่นจนกลายเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติแล้ว ยังมีอีกหลายคดีที่ถูกแจ้งเข้ามาคล้ายๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น เหยื่อโดนสุนัขเห่าใส่ก็เลยแจ้งความเป็นการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง
คดีที่เพื่อนบ้านมักจะนำรถมาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านของผู้เสียหายคนหนึ่งทุกๆ วัน ก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวที่ถูกแจ้งความมาว่า “เพื่อนบ้านทำอย่างนั้นเพราะเห็นเขาเป็นคนผิวดำ”
บางคนแค่เจอหนูตายก็แจ้งความว่าโดนเหยียดผิวแล้ว หรืออีกคดีหนึ่งก็คือการแจ้งจับเพื่อนบ้านเพียงเพราะว่าเขา “สูบบุหรี่จัด” จนถูกมองว่าเป็นพวกเหยียดผิว
จากการเปิดเผยคดีความทั้งหมดนี้ นาย David Davies สมาชิกรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการโทรมาแจ้งความในเรื่องที่ “ไม่ใช่อาชญากรรมด้วยซ้ำไป” ทำให้ตำรวจต้องเสียเวลาไปเปล่าๆ
“ทั้งหมดนี้มันคือส่วนหนึ่งว่าทำไมตำรวจถึงต้องทำงานกันอย่างติดๆ ขัดๆ ไม่สามารถทำการสืบสวนคดีการบุกรุกจริงๆ จังๆ อย่างเช่นการปล้นบ้านได้อย่างเต็มที่” David กล่าว
“ผู้คนควรจะเริ่มฉุกคิดกันให้ดีกว่านี้ ไตร่ตรองกันเสียก่อนที่จะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
นาย David สมาชิกรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.