เมื่อพูดถึงการทำนายทายทัก คงไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับความเป็นวิทยาศาสตร์ไปได้ แต่รู้กันหรือไม่ว่าในช่วงปี 1810-1840 มันเคยมีศาสตร์การทำนายแบบหนึ่ง ที่คนเราถือว่าเป็นแนวคิดทางวิทยาศาสตร์อยู่ด้วย
ศาสตร์การทำนายที่ว่านี้คือ “Phrenology” หรือการทำนายนิสัยจากกะโหลกศีรษะนั่นเอง
โดยในสมัยก่อนนี่เป็นศาสตร์ที่ “นักวิทยาศาสตร์” จะทำการศึกษา และวัดขนาดรูปร่างของกะโหลกศีรษะมนุษย์ เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดทั้งบุคลิกภาพ นิสัย ระดับความฉลาด เรื่อยไปจนถึงโอกาสเป็นอาชญากรเลย
ศาสตร์การทำนายนิสัยจากกะโหลกศีรษะเกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 1796 โดยนายแพทย์ชาวเยอรมัน Franz Joseph Gall ผู้ซึ่งเชื่อว่าสมองของมนุษย์ในแต่ละส่วนเก็บเอาลักษณะที่แตกต่างกันของผู้คนเอาไว้
Franz Joseph Gall ผู้ที่เชื่อกันว่าเป็นผู้ให้กำเนิดการทำนายนิสัยจากกะโหลกศีรษะ
ดังนั้นหากส่วนใดส่วนหนึ่งมีขนาดที่เล็ก นิสัยด้านนั้นๆ ก็จะมีน้อยลงตามไปด้วย และสำหรับ Gall และ สิ่งที่จะชี้วัดรูปร่างของสมอง ก็คือกะโหลกของมนุษย์นั่นเอง
นั่นทำให้ Gall วาดแผนภาพของการทำงานของสมองแต่ละส่วนขึ้น และก็เป็นแผนภาพนี้เองที่นักวิทยาศาสตร์การทำนายนิสัยจากกะโหลกศีรษะมักจะนำไปใช้อ้างอิงในการ “วิจัย” นิสัยคนของพวกเขา
ว่ากันตามตรงในสมัยนั้นคนที่จะใช้ศาสตร์การทำนายนิสัยจากกะโหลกศีรษะ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีการศึกษามาอย่างดีเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่มีแผนภาพของ Gall ไม่ว่าใครก็สามารถทำนายนิสัยใจคอของคนอื่นได้
เท่านั้นยังไม่พอ ศาสตร์การทำนายนี้ยังสนับสนุนแนวคิดที่ว่า ผู้ชายมีสมองที่ดีกว่าผู้หญิง และคนขาวฉลาดกว่าคนดำอีกด้วย และด้วยความที่ศาสตร์นี้ถูกมองว่าเป็น “วิทยาศาสตร์” การที่รูปกะโหลกถูกมองว่าดีหรือไม่ดี ก็อาจจะเปลี่ยนคำตัดสินของศาลได้เลยเช่นกัน
นับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาที่ การทำนายนิสัยจากกะโหลกศีรษะเริ่มค่อยๆ ถูกลืมไปในช่วงปลายยุค 1840 จากการพัฒนาขึ้นของวิทยาศาสตร์ และจากการกล่าวหาที่ว่าผู้ใช้ศาสตร์นี้มักนำความรู้สึกส่วนตัวมาเจือปนในการทำนาย
และแน่นอนว่าในปัจจุบันที่มีทั้งระบบเอ็มอาร์ไอและซีทีสแกน ศาสตร์การทำนายนิสัยจากกะโหลกศีรษะก็หมดความน่าเชื่อถือลง และกลับไปเป็นเพียง การทำนายที่ตกยุคไปแล้วนั่นเอง
ที่มา historydaily
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.