ในปัจจุบันนาโนเทคโนโลยี ได้กลายเป็นหนึ่งส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของพวกเราไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะในทางการแพทย์ หรือตามผลิตภัณฑ์ที่วางขาย เราก็อาจจะเห็นการใช้งานนาโนเทคโนโลยีในนั้นได้ไม่ยากเลย
ว่าแต่เพื่อนๆ ทราบรึเปล่าว่าการใช้นาโนเทคโนโลยี ไม่ได้เพิ่งมามีเอาเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรอกนะ เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 1,600 ปีก่อน ชาวโรมันโบราณเองก็มีการใช้นาโนเทคโนโลยีกับเขาเหมือนกัน
นี่คือถ้วยไลเคอร์กุส เครื่องประดับเก่าแก่ที่ถูกนำมาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์อังกฤษเมื่อช่วงยุคปี 1950 และมีจุดเด่นไม่เพียงแค่ความงามเท่านั้น แต่หากส่องแสงจากด้านหลัง มันยังสามารถเรื่องแสงเป็นสีแดงได้อีกด้วย
ความสามารถของมันนั้นทำให้นักวิทยาศาสตร์ในสมัยนั้นถึงกับงงกันเป็นแถว เพราะไม่มีใครทราบได้เลยว่าอะไรกันที่ทำให้ ถ้วยไลเคอร์กุสเปลี่ยนสีได้ด้วยตัวเองแบบนี้
กว่าที่ปริศนาของถ้วยไลเคอร์กุสจะถูกไขให้กระจ่าง มันก็เป็นในปี 1990 เลยทีเดียว เมื่อนักวิทยาศาสตร์ในอังกฤษลองเอาชิ้นส่วนของถ้วยไปส่องกล้องจุลทรรศน์ดู และพบว่าสิ่งที่ทำให้ถ้วยเปลี่ยนสีได้นั่นไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นนาโนเทคโนโลยีนั่นเอง
กล่าวคือภายในถ้วยไปนี้นั้นมีการผสมทองคำ และเงินที่มีขนาดเล็กกว่า 50 นาโนเมตร ลงไปในเนื้อแก้วด้วยนั่นเอง ทำให้เมื่อมีแสงส่องผ่าน โมเลกุลของทองและเงินเกิดการสั่นจนทำให้แก้วเปลี่ยนสีไปอย่างที่เห็น
จริงอยู่ว่าการกระทำของชาวโรมันโบราณนี้อาจจะสามารถมองได้ว่าเป็นการเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่นี่ก็นับเป็นความบังเอิญที่แม่นยำได้อย่างสุดๆ เพราะปริมาณของโมเลกุลทองและเงินที่ถูกใช้ไปนั้นออกมาพอดิบพอดีอย่างไม่น่าเชื่อ
นั่นทำให้นักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนมองว่าชาวโรมันน่าจะมีความรู้ในการควบคุมนาโนเทคโนโลยีในระดับหนึ่ง แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ตาม
หากมีปริมาณโมเลกุลทองต่างกัน สีที่ออกมาก็จะต่างกันไปด้วย
และแม้ว่าถ้วยไลเคอร์กุสจะเป็นเพียงของประดับก็ตาม แต่มันก็เป็นก้าวแรกๆ ของมนุษยชาติในการใช้งานนาโนเทคโนโลยีเช่นกัน
ที่มา ancient-origins, smithsonianmag และ theguardian
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.