เชื่อว่าด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน คงจะมีหลายคนไม่น้อยเลยที่รู้สึกหวาดกลัวว่าสักวัน เราอาจจะต้องพบกับการโจมตีจาก AI ที่ไม่มีคนควบคุมก็ได้ แต่ใครจะไปคิดกันว่าสิ่งที่เรากลัวกันมันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
เพราะเมื่อล่าสุดนี้เองทาง สหประชาชาติหรือ UN ก็เพิ่งจะออกมาเปิดเผยเอกสารใหม่ที่บอกว่า ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมาเรามีรายงานการพบโดรนติดอาวุธออกไล่ล่ามนุษย์ได้เอง โดยไม่ต้องอาศัยคนควบคุม ซึ่งถือเป็นเกิดครั้งแรกเลยที่ AI โจมตีมนุษย์เองเลย
เรื่องราวในครั้งนี้ถูกระบุว่าเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2020 ที่ประเทศลิเบีย ภายในยุทธการ “PEACE STORM” ซึ่งนาย Fayez al-Sarraj นายกรัฐมนตรีแห่งลิเบียสั่งให้ใช้ในการต่อกรกับกลุ่มต่อต้านที่นำโดย Khalifa Haftar
โดยในการต่อสู้ครั้งนี้ทางรัฐบาลได้มีการใช้โดรนบินไร้คนขับ (UCAV) รุ่น “STM KARGU-2”
ที่มีการติดระเบิด และติดตั้งระบบออกบินหาเป้าหมายเองได้ ไม่ว่าเป้าหมายจะเคลื่อนไหวหรืออยู่นิ่ง ด้วยระบบการประมวลผลภาพแบบเรียลไทม์และอัลกอริทึมการเรียนรู้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ควบคุมจากมนุษย์เลยหลังที่จากปล่อยมันออกไป
วิดีโอตัวอย่างการทำงานของโดรนบินไร้คนขับ รุ่น STM KARGU
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้แน่นอนว่าย่อมต้องสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก โดยเพราะกลุ่ม “Human Rights Watch” องค์กรส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ซึ่งถึงขั้นออกมาขอให้มีการแบนอาวุธในรูปแบบนี้
เนื่องจากไม่เพียงแต่ระบบดังกล่าวจะนำมาซึ่งความเสี่ยงที่อาวุธเหล่านี้อาจกลายมาเป็นภัยคุกคามของมนุษย์เสียเองเท่านั้น แต่การใช้อาวุธที่ “คิดได้เอง” เช่นนี้ ยังอาจคุกคามต่อสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีชีวิตและหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้ไม่ยากเลย
ที่สำคัญแล้วเราจะเชื่อมั่นได้แค่ไหนกันว่าระบบอัลกอริธึมที่หุ่นยนต์ใช้จะดีมากพอหรือได้รับการฝึกอย่างเหมาะสมจนไม่มีข้อบกพร่อง
เพราะแม้ในปัจจุบัน เราก็ยังคงสามารถเห็นความผิดพลาดในเทคโนโลยี AI และ อัลกอริธึมได้อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะอุบัติเหตุในรถอัตโนมัติ หรือระบบจดจำใบหน้าที่แยกหน้าตาของพี่น้องไม่ออกด้วยซ้ำ
และสำหรับคนที่สนใจอ่านรายงานของ UN โดยตรง รายงานดังกล่าวก็สามารถเข้าถึงได้ที่นี่
ที่มา iflscience และ gizmodo