สำหรับหลายๆ คนแล้ว “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” คงจะถือว่าเป็นอีกหนึ่งในอาหารสำคัญ เพื่อนซี้ยามยากที่ช่วยให้เราผ่านค่ำคืนอันหิวโหย หรือช่วงสิ้นเดือนที่แทบจะเหมือนสิ้นใจเลย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเราก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น แม้ว่าจะพยายามทำเส้นออกมาเรียนแบบบะหมี่จริงๆ แค่ไหน สุดท้ายแล้วเส้นกึ่งสำเร็จรูปก็จะมีความต่างกับเส้นบะหมี่จริงๆ อยู่ดี (แต่บางคนก็ชอบนะ)
แต่ดูเหมือนว่าล่าสุดนี้เองบริษัทชื่อดังอย่าง “อายิโนะโมะโต๊ะ” ก็ดูจะสามารถก้าวข้ามปัญหาเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จได้แล้ว เมื่อล่าสุดนี้เองพวกเขาได้ออกมาเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “แช่แข็ง” รุ่นใหม่ ที่มีเส้นเหมือนบะหมี่จริงที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย
ผลงานในครั้งนี้มาจาก การทดลองของทีมนักวิทยาศาสตร์ที่นำโดยคุณชินจิ ซาซากิ ซึ่งตรวจสอบเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไปแล้วพบว่า เส้นบะหมี่เหล่านี้ตามปกติจะดูดน้ำได้ง่าย
ซึ่งแม้จะเป็นการทำเพื่อให้มันสามารถต้มสุกได้ใน 3 นาทีโดยใช้แค่น้ำร้อนแต่ในขณะเดียวกันมันก็มีสัมผัสไม่เป็นธรรมชาติ และอืดง่ายกว่าบะหมี่จริงๆ ตามไปด้วย
ดังนั้นเพื่อที่จะแก้ไขปัญหานี้คุณชินจิและทีมงานจึงทดลองทำเส้นรุ่นใหม่ที่มีแทบไม่มีรูอากาศเลยแม้ส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ขึ้น เกิดเป็นเส้นบะหมี่ที่มีความหนาแน่นสูง น้ำซึมผ่านได้ยากมากๆ ขึ้นมา
และเส้นที่ว่านี้ก็ทนทานมากถึงขนาดที่ว่ามันสามารถถูกปรุงได้ถึงสองครั้ง (ครั้งหนึ่งจากโรงงาน และอีกครั้งโดยผู้บริโภค) แต่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนเพิ่งปรุงใหม่ ไม่เละหรือแข็งจนเกินไปด้วย
คุณชินจิและทีมงานตัดสินใจที่จะให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรุ่นใหม่นี้มีความคล้ายกับอาหารแช่แข็งมากกว่าที่จะเป็นอาหารแห้งอย่างบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไป โดยพวกเขาจะปรุงมันในโรงงานพร้อมใส่เครื่องปรุงรสและท็อปปิ้งก่อนนำมันไปแช่แข็ง
และเมื่อใดก็ตามที่ผู้บริโภคต้องการทาน “บะหมี่ทำเสร็จใหม่ๆ” สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็มีแค่โยนมันใส่ไมโครเวฟเป็นเวลา 4 นาทีเท่านั้น
(คุณชินจิ บอกว่าการตัดสินใจนี้มาจากการที่ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปกติ กลิ่นและรสชาติบางส่วนจะหายไป เนื่องจากเครื่องปรุงรสถูกอบแห้ง)
นี่นับว่าเป็นอีกหนึ่งความพัฒนาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่น่าสนใจเลยทีเดียว แต่การตัดสินใจในครั้งนี้ก็อาจจะนำมาซึ่งคำถามไม่น้อยเช่นกัน นั่นเพราะตามปกติบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะถูกออกแบบมาให้เก็บรักษาได้ง่าย
ดังนั้นการที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตัวใหม่จะต้องถูกเก็บแบบแช่เย็นเช่นนี้ มันจึงอาจจะเป็นปัญหาสำคัญสำหรับหลายๆ คนเลยก็ได้
ที่มา
www.bbc.com/future/article/20210907-the-clever-science-behind-frozen-ramen