เป็นอีกหนึ่งคดีที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยผ่านสื่อใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องของการฉ้อโกงหลอกโอนเงินจากการเข้ามาตีสนิทช่วยดูแลเกี่ยวกับเงินทอง ทว่ากลับกลายเป็นการอ้างว่าให้เงินด้วยความเสน่หา ทั้งทีฝ่ายเจ้าของเงินพบหลักฐานความผิดปกติที่ไม่ได้ยินยอมแต่อย่างใด
เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีของ นางขนิษฐ์ ตัณฑวิรัตน์ อายุ 84 ปี อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาบรรณารักษศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากหญิงที่เข้ามาตีสนิทเป็นผู้ดูแลทำการฉ้อโกงเงินไปทั้งหมด 21.8 ล้านบาท
ผู้ถูกกล่าวหาคือ นางสาววีณา เข้ามารับทราบข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน พร้อมทนายความ ในวันที่ 7 มิถุนายน 2564 ทั้งนี้เธออ้างว่าได้รับเงินจากนางขนิษฐ์โดยความเสน่ห จากการดูแลมาตลอดในระยะ 40 ปี
ส่วนทางด้านนางขนิษฐ์ ยืนยันว่ารู้จักกับนางสาววีณาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเท่านั้น อาสาเข้ามาดูแลและรู้จักกันเพียงแค่ผิวเผิน ปฏิเสธว่าไม่ได้ดูแลมานานกว่า 40 ปีอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง
ช่วงก่อนจะเข้ามาตีสนิทเพื่อหลอกโอนเงิน
ในช่วงเวลาที่นางขนิษฐ์ สูญเสียนายมนตรี ตัณฑวิรัตน์ อดีตรองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 และหลานที่ดูแลเธอก็เสียชีวิตอีกในเดือนกุมภาพันธ์
นางสาววีณาที่อ้างว่าทำธุรกิจขายเครื่องประดับ จึงเข้ามาใช้กุลอุบายเพื่อตีสนิทกับนางขนิษฐ์ เนื่องจากเป็นห่วงเห็นเป็นคนแก่มีอาการหลงลืม และอยู่ในความโศกเศร้า จึงอยากอาสาพาไปหาหมอ
การหลอกถอนและโอนเงิน 4 ครั้งเข้าบัญชีนางสาววีณา
ทว่าจากการเจอกันครั้งแรกที่สนามเทนนิส ยังไม่สนิทสนมกัน จนกระทั่งสามีเสียชีวิตและนางสาววีณาเข้ามาทำความรู้จัก อ้างว่าจะพาไปหาหมอ พูดแต่ภาษาอังกฤษไม่พูดภาษาไทย มีการบอกให้คนใช้ไปรอด้านนอก พร้อมกับพาไปธนาคารและถือสมุดบัญชีเอาไว้ ซึ่งคาดว่าน่าจะหยิบไปตอนที่อยู่โรงพยาบาล
ช่วงที่อยู่ธนาคารจะให้นั่งรอและเซ็นเอกสาร นางขนิษฐ์ยังอยู่ในอาการเบลอไม่รู้เรื่องจากการทานยาต้านโรคซึมเศร้า มีถอนเงินเพื่อโอนเข้าบัญชีนางวีณาไป 4 ครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน 64 เป็นจำนวนรวมทั้งหมด 21.8 ล้านบาท
-9 มีนาคม 2564 ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยอาภาภิรมย์ / 4.4 ล้านบาท
-31 มีนาคม 2564 ธนาคารกรุงไทย สาขาจามจุรี / 14 ล้านบาท
-8 เมษายน 2564 ธนาคารกรุงไทย สาขาบิ๊กซี ลาดพร้าว 2 / 1.1 ล้านบาท
-28 เมษายน 2564 ธนาคารกรุงไทย สาขาจามจุรี / 2.3 ล้านบาท
นอกจากถอนเงินเพื่อโอนเข้าบัญชีตนเองแล้ว นางสาววีณาได้แจ้งถอนเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยของนางขนิษฐ์อีก 13 ล้านบาท แต่ทางญาติสามารถแจ้งระงับเอาไว้ได้ก่อน
เมื่อทำการสืบสาวเรื่องราวจนที่สุดพบว่าเงินทั้งหมดในบัญชีของนางขนิษฐ์ถูกโอนเข้าบัญชีนางสาววีณาไป 21.8 ล้านบาท เมื่อทวงเงินคืนก็ได้รับคำตอบว่าไม่คืนให้ เพราะให้มาด้วยความเสน่หาและจะนำไปทำบุญ
นางสาวกนกกร เหลนสาวของนางขนิษฐ์ ให้การยืนยันว่านางสาววีณาเข้ามาทำความรู้จักกับย่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 64 ไม่ใช่ 40 ปีตามที่กล่าวอ้าง
สาเหตุที่ไว้วางใจให้ใกล้ชิดกับย่าเพราะว่ารู้จักผ่านพ่อ พ่อเป็นคนบอกว่านางสาววีณาเป็นผู้ช่วยย่า และมีอาชีพการศึกษาฐานะค่อนข้างดีจึงไม่คิดว่าจะทำเช่นนี้
ส่วนการตามสืบหาหลักฐานการกระทำความผิด เริ่มจากที่คุณย่าบอกว่าสมุดบัญชีหายไป จึงไปขอสเตทเม้นท์กับทางธนาคาร ปรากฎว่าพบรายการการโอนเงินเข้าบัญชีของนางสาววีณา
เมื่อสอบถามคุณย่าว่าตั้งใจให้เงินจำนวนนี้กับเธอหรือไม่ ปรากฎว่าย่าไม่รู้เรื่อง เพราะถ้าหากย่าตั้งใจให้ก็จะไม่ยุ่ง จนกระทั่งเรียกนางสาววีณาเข้ามาพูดคุยก็ไม่มา ประกอบกับติดงานศพคุณแม่จึงขอเลื่อนนัดไปก่อนแล้วก็ไม่มาอีกเลย
ซึ่งเหลนสาวระบุว่าถ้าจะมีการเบิกเงินจำนวนมากขนาดนี้ควรแจ้งให้ทราบ แต่กลับไม่มีการแจ้งอะไรให้กับญาติทราบเลย
ทางด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของนางขนิษฐ์ ได้นำหลักฐานการโอนเงินต่างๆ มาชี้แจงให้สื่อได้ทราบ พบว่าการโอนเงินจากบัญชีต้นทางไปปลายทาง 4 ครั้ง เป็นเงินทั้งหมด 21.8 ล้านบาท ตามอายัดกลับมาได้เพียง 3 ล้านบาทเท่านั้น
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ฉ้อโกงโดยใช้กลอุบาย และรับของโจร กับนางวีณา
คลิปข่าวจากเรื่องเด่นเย็นนี้
คลิปข่าวจากข่าวเย็นไทยรัฐ
คลิปข่าวจากเข้มข่าวค่ำ