หากยังจำกันได้กับข่าวที่เป็นกระแสพูดถึงไปทั่วบ้านทั่วเมืองช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กับเรื่องอื้อฉาวของตำรวจนายหนึ่งที่ไปแต่งงานซ้อนกับสาวอีกคนที่เป็นเมียน้อย
จนถึงขั้นที่เมียหลวงและแม่สามีพากันมาถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดกลางงานแต่ง พร้อมโชว์หลักฐานทะเบียนสมรสที่จดกับตนเอง
หลังจากที่เกิดเป็นเรื่องมีข้อพิพาทกันขึ้นมา ทำให้นางสาวนิภาพรรณ หมู่แก้ว (จอย) ทำการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกค่าเสียหายกับเมียน้อยเป็นเงิน 300,000 บาท และยืนยันว่ารับคำขอโทษเป็นเงินสดเท่านั้น
โดยเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 24 มิถุนายน 2564 สำนักข่าวไทยรายงานว่า นางสาวนิภาพรรณเดินทางไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชัยนาทพร้อมกับทนายความ เพื่อขอคัดถ่ายคำพิพากษาของศาลที่มีคำพิพากษาออกมาเรียบร้อยแล้ว
รายละเอียดคำสั่งจากศาลระบุว่าให้จำเลย (เมียน้อย) ชำระค่าทดแทน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง 18 กุมภาพันธ์ 64 ไปจนถึง 10 เมษายน 64 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 64 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้ ตามพระราชกฤษฎีกา ซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี
กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี
นางสาวนิภาพรรณ เปิดเผยว่ารู้สึกพอใจในคำพิพากษาของศาล โดยหลังจากนี้จะใช้ชีวิตตามปกติ ทำงานดูแลลูกๆ ต่อไป
โดยคดีนี้ศาลเห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลย (เมียน้อย) มีการแสดงออกอย่างเปิดเผยกับสามีของนางสาวนิภาพรรณ คบหากันในฐานะชู้สาวเป็นระยะเวลานาน มีการพบเจอหลายครั้ง มีการโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และมีการจัดพิธีงานแต่งงานตามประเพณี
สำหรับในส่วนของ นางสาวนิภาพรรณ (เมียหลวง) ที่คบหาอยู่กินกับสามีมาเป็นระยะเวลานานและมีบุตรด้วยกัน จากฐานะทางสังคมและอาชีพ ศาลจึงพิจารณากำหนดค่าทดแทนให้จำเลยชำระจำนวน 200,000 บาท จากที่เรียกไว้ 300,000 บาท
บนเฟซบุ๊กส่วนตัว นางสาวนิภาพรรณระบุว่าอับอายทั่วประเทศคุ้มมากกว่าเงิน และตนได้ความสวยหน้าใหม่
ขั้นตอนหลังจากนี้คือการส่งคำพิพากษานี้ไปให้แก่จำเลยได้รับทราบแล้ว เพื่อให้ชำระค่าทดแทนพร้อมด้วยเบี้ย ภายใน 15 วัน หากจำเลยยังไม่ยอมชดใช้จะดำเนินการในขั้นตอนการบังคับคดี ยึดทรัพย์สินของจำเลยตามกฎหมายต่อไป
โดยการดำเนินในครั้งนี้เป็นการไต่สวนฝ่ายโจทก์ (เมียหลวง) ฝ่ายเดียว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เดินทางมาศาลเลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงในวันนัดฟังคำพิพากษาก็ไม่มา
ที่มา: mcot