บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวชาวเยอรมนีออกมาเล่าถึงประสบการณ์ที่เธอมาเที่ยวประเทศไทยผ่านโครงการ Phuket Sandbox แต่ทุกอย่างกลับผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผน ทำให้เธอเกิดความคับข้องใจขึ้น
วันที่ 11 กรกฎาคม เพจ Wheels & Work ที่เป็นของ สเตฟานี บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวชาวเยอรมนี ได้ออกมาเล่าถึงความผิดพลาดที่เธอเจอกับการมาเที่ยวภูเก็ตหลังมีโครงการ Sandbox โดยจั่วหัวว่า PHUKET SANDBOX: GOOD IDEA, GONE WRONG
สเตฟานี เล่าว่า เธอเตรียมจะย้ายออกจากเยอรมนีอย่างถาวรมาแล้ว 6 เดือน เพื่อไปท่องเที่ยว ส่วนเรื่องงานเธอเป็นฟรีแลนซ์เลยทำให้ทำที่ไหนก็ได้ถ้ามีอินเตอร์เน็ต
เธอจึงเลือกมาประเทศไทยที่เธอตกหลุมรักจากการมาเมื่อ 10 ปีก่อน เธอระบุว่าทีแรกไทยมีนโยบายว่าต้องกักตัว 10 วัน ซึ่งเธอก็จองโรงแรมที่กรุงเทพเอาไว้ 10 คืน
แต่หลังจากนั้นข้อกำหนดกักตัวได้มีการเปลี่ยนจาก 10 เป็น 15 วัน เพราะนักท่องเที่ยว Sandbox กลุ่มแรก
เธอจึงตัดสินใจทิ้งเงินที่จองโรงแรมกรุงเทพไป จัดการจองโรงแรม SHA+ ที่ภูเก็ตแทน หลังมีการประกาศโครงการ Sandbox จากนั้นก็บินจาก แฟรงค์เฟิร์ตไปต่อเครื่องที่ดูไบ ก่อนจะมาลงที่ภูเก็ต
เธอระบุว่าระหว่างที่บินมา แถวหน้าของเธอมีวัยรุ่น 4 คน ที่เอามาสค์ไว้ใต้จมูกตลอดเวลา ทำให้เธอไม่สบายใจ เธอจึงพยายามขอย้ายที่นั่งแต่ก็ทำไม่ได้เพราะที่นั่งอื่นเต็มหมดแล้ว จึงได้แต่ทำใจ
เมื่อมาถึงภูเก็ตแล้ว ก็มีการตรวจโควิดอะไรต่างๆ ตามขั้นตอน ก่อนเธอจะเดินทางไปพักผ่อนรอผลตรวจที่โรงแรม
18 ชั่วโมงต่อมา ผลตรวจของเธอออกมาเป็นลบ ทำให้เธอออกไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในภูเก็ต และระหว่างที่กำลังดื่มด่ำกับเครื่องดื่มนั้น ก็มีสายโทรศัพท์เข้ามา
กลายเป็นว่าโรงแรมโทรมาแจ้งว่า เที่ยวบินที่เธอบินเข้ามา พบว่ามีคนเป็นโควิด ทำให้เธอเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ต้องเข้าสู่กระบวนการการกักตัว ต้องหาโรงแรมเพื่อทำ ALQ : Alternative Local State Quarantine (กระบวนการกักตัวในระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนดสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ)
แต่ปัญหาคือ โรงแรมในภูเก็ตส่วนใหญ่ ได้เปลี่ยนจากนโยบาย ALQ ไปเป็นโมเดล Sandbox หมดแล้ว ทำให้เธอแทบจะหาโรงแรมที่รับนักท่องเที่ยว ALQ ไม่ได้เลย
เธอหวังว่าจะมีคนจากสาธารณสุขมาหาเธอที่โรงแรม และช่วยเหลือด้าน ALQ แต่ก็ไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น เธอถูกทิ้งให้จัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แม้แต่สถานทูตหรือสถานกงสุลเยอรมนีในภูเก็ตเองก็เงียบ
โชคดีที่พนักงานรีเซปชั่นโรงแรมช่วยเหลือเธอจนหาโรงแรมที่สามารถกักตัวได้ แต่ตัวเลือกที่ถูกที่สุดก็ทำให้เธอเสียเงินไปถึง 52,000 บาท กับการกักตัวระยะ 2 อาทิตย์ ผิดแผนจากที่เธอวางเอาไว้ 15,000 บาท
โพสต์ต้นทาง
เธอสรุปว่า โมเดล Sandbox นั้นดีมากถ้าวางแผนจะไปเที่ยวมากกว่า 3 อาทิตย์
ส่วนคนที่มีแผนจะเที่ยวแค่ 1-3 อาทิตย์ ก็ต้องตระหนักว่าทุกอย่างอาจผิดแผน และอาจต้องเสียเวลาไปกับการใช้ชีวิตอยู่ในห้องโรงแรม เหมือนที่เธอเจอ
เธอปิดท้ายด้วยคำถามที่เธอไม่เข้าใจสองข้อจากเรื่องที่เจอ
1. ทำไมถึงไม่มีการช่วยเหลือจากทางการหรือหน่วยงานไหนเลย?
2. ทำไมต้องกักตัวเต็มเวลา 14 วัน แม้เธอจะฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และผลทดสอบก็ออกมาเป็นลบถึงสองรอบ?
อย่างไรก็ตาม หลังเธอโพสต์เรื่องนี้ออกไป เธอก็มาอัปเดตว่าได้รับการติดต่อเสนอความช่วยเหลือมาจากนายกสมาคมการท่องเที่ยวภูเก็ต และสถานทูตเยอรมนีในกรุงเทพ แล้ว
ซึ่งเธอก็หวังว่าเคสของเธอจะช่วยชี้ปัญหาของระบบ Sandbox ให้ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด หลังจากที่คนท้องถิ่นที่ภูเก็ตต้องการการมาของนักท่องเที่ยวเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปให้ได้
ที่มา : WheelsAndWork