ศรีสุวรรณ ร้องเรียน ต๊อด ปิติ กรณีโพสต์ ‘วัคซีนผสมน้ำ’
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา นายปิติ ภิรมย์ภักดี หรือต๊อด ทายาทเครือสิงห์ ได้ออกมาโพสต์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล ผ่านเฟซบุ๊ก Piti Bhirombhakdi ว่า…
“ผมว่าจะไม่ลงละนะ แต่สงสารคนไทย ศบค.พูดโคตรชัดว่าวัคซีนทำให้จำนวนคนตายลดลง แล้วทำไมถึงเลื่อน ทำไมถึงฉีดไม่ได้ตามเป้า วัคซีนหายไปไหน รักกันมากๆหน่อยสิ”
“เตือนไว้ก่อนด่ามาจะด่ากลับ หมดความอดทนแล้วเหมือนกัน ไม่ต้องชื่นชมหรือมาซื้อของบริษัทผม ผมแค่ทำหน้าที่คนไทยคนนึงที่อยากเห็นสิ่งที่ดีขึ้น”
“ผมหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นแต่ไม่เลย เลวลงทุกวัน ผมก็รู้จักนักการเมืองอยู่เยอะ พวกเค้าก็น่าจะรู้จักผมบ้าง ผมไม่ได้ท้าทายนะครับ แต่ถ้ามาผมก็เอา”
“ด่านหน้าต้องจับฉลากเพื่อจะได้ฉีด บางโรงพยาบาลใช้วิธีผสมน้ำเพื่อให้ครบคน ผมขอสละตัวเองเป็นกระบอกเสียงให้พวกเค้าครับ และเมื่อผมเอาจริงคือเอาจริง”
ล่าสุดวันนี้ 13 สิงหาคม 2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าพบ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)
แจ้งความเอาผิด ต๊อด ปิติ กรณีโพสต์ข้อมูลเท็จ ‘วัคซันผสมน้ำ’ เป็นผลให้สื่อหยิบไปเผยแพร่ต่อมากมาย สร้างความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า “หากจะแก้ตัวว่าเขียนผิด เขียนตกว่าเป็น “น้ำเกลือ” ก็ฟังไม่ขึ้น เป็นการกล่าวหาแพทย์-พยาบาลว่ามีการใช้วัคซีนผสมน้ำ ซึ่งไม่มีหลักวิชาการทางการแพทย์ที่ไหนในโลกเขาทำกัน
และก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรคก็ออกมาชี้แจงอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า วัคซีนบางชนิดมีความเข้มข้น ต้องผสมกับน้ำเกลือ (Normal Saline) ซึ่งในโรงพยาบาลก็มีการใช้น้ำเกลือที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว ไม่ได้เป็นการผสมน้ำอย่างแน่นอน”
นายศรีสุวรรณ เสริมต่อว่า “ถ้าคุณต๊อดยืนยันว่ามีหลักฐานความจริง ขอให้เปิดเผยออกมาว่ามีโรงพยาบาลแห่งใด ใช้วิธีการผสมวัคซีนดังกล่าว แต่ถ้าไม่มี ก็พึงระลึกไว้เถิดว่า การโพสลักษณะดังกล่าว โดยการนำเข้าข้อความสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นความผิด
เพราะมีลักษณะที่เป็นเท็จ อันก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และอาจเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศฯ มีความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2550 แก้ไขปี 2560 ม.14(2) ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ที่มา :
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=383015796519295&id=100044326334588