ช่วงที่ผ่านมามีกระแสของเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตในวัยเบญจเพส หลังจากทางญาติได้ทำการฌาปนกิจศพ นายสฐาพร พรแสน อายุ 25 ปี ผู้เสียชีวิตจาการขับขี่รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถเก๋งและถูกรถตู้ทับเสียชีวิตไปแล้ว ก็พบว่าชิ้นส่วนกะโหลกที่มีการตอกตัวเลขลงไป โดยทางญาติคาดว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับวันเกิดและวันตาย
ในตอนแรก ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (อาจารย์อ๊อด) ได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเศษชิ้นส่วนกะโหลกจริงหรือไม่
จะเห็นว่าลักษณะรอยกดของตัวเลขเป็นลักษณะที่เกิดหลังเผาไม้ ใช้แม่พิมพ์กดตัวเลขลงไป เหมือนกับการแสตมป์ลงภายหลัง
ในรายการโหนกระแสเองก็ได้เชิญคุณริวจิตสัมผัสมาพูดคุยถึงความเป็นไปได้ของกรณีนี้ด้วย ซึ่งคุณริวเองก็มองในเชิงเดียวกับอาจารย์อ๊อดที่ว่า ไม่น่าจะใช่กระดูก เพราะเลขรหัสพวกนี้ไม่น่าปรากฏบนกระดูกคนได้ และสีกระดูกคนมีความแตกต่างมาก
ตัวคนตายไม่ได้ป่วย ไม่ได้เป็นอะไร ไม่เคยผ่าตัด จะยิงเลเซอร์บนกระดูกเป็นไปได้ยากมาก ลักษณะตัวเลขคมชัดและมีโค้ดภาษาอังกฤษ ยิ่งในโลกวิญญาณเป็นไปไม่ได้ 100%
ช่วงเช้าของวันที่ 13 สิงหาคม 2564 อาจารย์อ๊อดได้เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กแล้วว่า ชิ้นส่วนนี้ไม่ใช่กระดูกมนุษย์ ตนต้องขอบคุณบริษัท โทรแอคซ์ ประเทศไทย ที่อนุญาตให้ใช้เครื่องกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน แบบส่องกราดและวิเคราะห์องค์ประกอบของธาตุ (SEM/EDX)
สำหรับกระดูกบาร์โค้ดมีองค์ประกอบของซิลิกอนและออกซิเจนเป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่องค์ประกอบหลักของกระดูกมนุษย์ และยืนยันด้วยเครื่องมือนี้ว่าไม่ใช่กระดูกจริงๆ
เมื่อทำการทดสอบเทียบกับตัวกระดูกจริงอีกชิ้นที่เป็นกระดูกของผู้วายชนม์ที่อยู่ในเตาเผาศพเดียวกัน พบว่ากระดูกอีกชิ้นหนึ่งนั้นมีองค์ประกอบหลักของแคลเซียมและออกซิเจนเป็นหลัก รวมถึงฟอสฟอรัสและมีเกลือโซเดียม ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักที่อยู่ในกระดูกจริงๆ
ตัวชิ้นส่วนที่มีตัวเลขซีเรียลนั้นคาดว่าน่าจะเป็นพวกฉนวนกันความร้อนที่อยู่ในเตาเผาศพที่หลุดลงมาผสมกันมากกว่า
เรียบเรียงโดย #เหมียวเลเซอร์
ที่มา:
https://www.facebook.com/phutdhawong/posts/4251811048242506