นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวถึงประเด็นดราม่าในโลกโซเชียล หลังจากที่มีการเปิดเผยโดยคุณสุทธิชัย หยุ่น ในรายการคุยให้คิด เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ซึ่งระบุว่านายอนุทิน มีส่วนขัดขวางไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด -19
โดยระบุว่าจากที่มีข่าวว่าตนเข้าพบนายกและแสดงความเห็นในเชิงไม่สนับสนุนให้ภาคเอกชน จัดหาวัดซีน เพราะถ้าเอกชนทำสำเร็จจะทำให้รัฐบาลสูญเสียคะแนนนิยม ซึ่งนายกฯ เชื่อตน จนกลายมาเป็นที่วิพากษ์ วิจารณ์ในโลกโซเชียล
ขอย้ำว่าเรื่องนี้ “ไม่เป็นความจริง” ตนไม่เคยพูด หน้าที่ของตนคือจัดหาวัคซีนให้คนไทย รวมถึงผู้ที่ไม่ใช่คนไทย แต่ทำมาหากินภายในประเทศ
ส่วนเอกชนที่เข้ามาจัดหา ตนยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเรื่องวัคซีนเหลือย่อมดีกว่าขาด เคยอยู่ภาคเอกชนมาก่อน เข้าใจความรู้สึกของภาคเอกชน เข้าใจว่าเอกชนมีความคล่องตัวและต้องการเข้ามาช่วยเหลือ
ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายรัฐรับฟังทุกข้อเสนอของเอกชน เอกชนรายไหนหาวัคซีนมาลงทะเบียนได้ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็พร้อมตรวจสอบ ขึ้นทะเบียนให้ทันที
“ปัญหาทั้งหมดมันเกิดมาจากเอกสารฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุว่ารัฐบาลปฏิเสธเอกชน ที่ต้องการช่วยเหลือเรื่องการนำเข้าวัคซีน โดยเอกสารอ้างว่า เพราะรัฐบาลมีศักยภาพและความสามารถในการหาวัคซีนได้เพียงพอตามความเป้าแล้ว ซึ่งความเป็นจริง รัฐไม่เคยห้ามเอกชนเลย”
ย้อนกลับไปในวันที่ 28 เมษายน ท่านนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับภาคเอกชน ทั้งหอการค้า การธนาคาร และอุตสาหกรรม ได้ข้อสรุปว่า เปิดทางให้ภาคเอกชนจัดหาวัคซีนได้อย่างเต็มที่ รัฐไม่ปิดกั้น
แต่หากทำตรงส่วนนั้นไม่ได้ หาเข้ามาไม่ได้ ซึ่งรัฐเปิดทางให้เจรจาแล้ว ขอให้เอกชนสนับสนุนในเรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นการเปิดให้ใช้สถานที่รวมไปถึงการนำพนักงานมารับบริการวัคซีน
วันนั้น ทางนายกฯ หันมาถามตนว่า หากภาคเอกชนสามารถนำวัคซีนเข้ามาได้แล้ว ทางหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขจะขึ้นทะเบียนได้หรือไม่ ก็ตอบไปว่าพร้อมอำนวยความสะดวกอย่างแน่นอน เรื่องราวทั้งหมดมีเท่านี้
จากนั้นหลังจากเอกสารฉบับแรกออกมาแล้ว และมีการวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม จึงมีการออกเอกสารอีกฉบับหนึ่งมาชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ก็ดูจะสายเกินไป
เพราะว่าเอกสารฉบับแรกได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม เหมือนกับที่ตนจะต้องออกมาอธิบายชี้แจงข้อเท็จจริง ในวันนี้ กับข่าวที่บอกว่า ตนปฏิเสธการให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยจัดหาวัคซีน ซึ่งไม่เป็นความจริง
ส่วนเหตุผลที่เอกชนยังไม่สามารถนำวัคซีนเข้ามาได้ เนื่องจากว่าทางผู้ผลิตวัคซีนยังระบุว่าการใช้วัคซีนเป็นไปภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและจะไม่รับผิดชอบหากเกิดผลกระทบใดๆ ตามมา
ทางผู้ผลิตเห็นว่ามีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่สามารถเข้าไปรับผิดชอบตรงส่วนนี้แทนเอกชนได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ผลิต กำหนดให้เพียงรัฐบาลของแต่ละประเทศได้สิทธิ์ในการจัดหาวัคซีน
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=HNRjPtjVKg0
https://ch3plus.com/news/program/239397