เปิดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินว่าข้อเสนอ ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ คือการ ‘ล้มล้างการปกครอง’
จากกรณีที่มีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2563 ให้มีการวินิจฉัยว่า การปราศรัยเสนอข้อเรียกร้องเรื่อง “การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” ในการชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563
ว่าเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
วันนี้ (10 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยกรณีดังกล่าว โดยมีการวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 3 คือ รุ้ง , ไมค์ และทนายอานนท์
มีเจตนาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โดยศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า “พฤติกรรมและเหตุการณ์ต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่า การใช้สิทธิและเสรีภาพของผู้ถูกร้องทั้ง 3 มีเจตนามุ่งเน้นเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นการปฏิรูป”
“การเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 จะส่งผลให้สถาบันไม่อยู่ในสถานะที่เคารพสักการะ จะเป็นการสร้างความปั่นป่วนในหมู่ประชาชน อันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ”
จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็อธิบายต่อว่า สถาบันพระมหากษัตริย์นั้น สำคัญอย่างไร
“พระมหากษัตริย์กับชาติไทย ดำรงอยู่คู่กัน เป็นเนื้อเดียวกันทั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และจะดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต”
และในตอนหนึ่ง ตุลาการกล่าวว่า “เห็นได้ว่าประวัติศาสตร์การปกครองของไทยนี้ อำนาจการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด นับแต่ยุคสุโขทัย อยุธยา ตลอดจน กรุงรัตนโกสินทร์
พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นประมุขของไทยมีพระราชภารกิจที่สำคัญยิ่ง เพื่อรักษาความอยู่รอดของบ้านเมือง และประชาชน โดยจะต้องดำรงตำแหน่งกองทัพไทย เพื่อนำกองทัพต่อสู้ปกป้อง และขยายราชอาณาจักรตลอดเวลา
ในยุคก่อนที่ผ่านมา ประกอบกับพระมหากษัตริย์ถือหลักการปกครอง ตามหลักธรรมพุทธศาสนา และยึดถือทศพิธราชธรรมเป็นหลักในการปกครองประเทศ
พระมหากษัตริย์ จึงเป็นที่เคารพและศรัทธาเป็นศูนย์รวมจิตใจด้วยความเป็นอยู่เดียวกัน ของปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด เป็นเวลาหลายร้อยปี”
สามารถเข้าไปฟังคำวินิจฉัยแบบเต็มๆ ได้ที่ลิงก์นี้ : https://youtu.be/txE5EpAEb5c
เรียบเรียง #เหมียวเฟนเดอร์
One Comment
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.
แบบนี้เหมือนเป็นการยอมรับกลายๆ ว่า “ที่ผ่านมาท่านมีอำนาจที่จะทำอะไรก็ได้ ตั้งแต่ตอนที่ไปอยู่เยอรมันแต่ก็ไม่ยอมทำอะไรเลย ปล่อยให้ประเทศชาติอยู่ในสภาพที่โดนโกงกินเรื่อยมา”