กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์อย่างมาก เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาเปิดดเผยว่า เธอถูกเรียกเก็บภาษีจากกระเป๋าแรนด์เนม เป็นเงินเกือบ 70,000 บาท ทั้งๆ ที่แจ้งว่าเป็นของใช้ส่วนตัว
จากโพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กคนดังกล่าว เธอได้ถ่ายภาพของกระเป๋าที่ถูกเรียกเก็บภาษีพร้อมใบเสร็จจากกรมศุลกากร และเขียนข้อความในภาพว่า “บ้าไปแล้วต้องจ่ายภาษีกระเป๋าที่ตัวเองใช้ 68,929 บาทที่สนามบินสุวรรณภูมิ”
จากภาพในใบเสร็จจะเห็นว่า มีการเรียกเก็บภาษี 2 อย่างคือ ภาษีนำเข้า 48,542 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 20,387 บาท
โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก และมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกรายเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า ช่วงนี้กระเป๋าแบรนด์เนมจะโดนภาษีมาก และยกตัวอย่างของหญิงสาวรายหนึ่งที่ถูกเรียกเก็บภาษีในลักษณะเดียวกัน เป็นเงินกว่า 60,000 บาท
สำหรับการเรียกเก็บภาษีจากสินค้าที่นำติดตัวเข้าประเทศนั้น เคยเป็นประเด็นเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งทางกรมศุลกากรเคยออกมาชี้แจงว่า ผู้โดยสารมีสิทธิ์เอาของติดตัวเข้ามาพร้อมเครื่องบินได้ โดยสิ่งของที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าจะประกอบด้วย
– ของใช้ส่วนตัวมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท หรือเป็นของที่ไม่มีลักษณะทางการค้า
– เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 1 ลิตร
– บุหรี่ 200 มวน
– ซิการ์หรือยาเส้นรวมกันไม่เกิน 250 กรัม
อย่างไรก็ตามหากเป็นของติดตัวที่มีมูลค่าเกิน 20,000 บาท หรือเป็นของที่มีลักษณะเชิงพาณิชย์ แม้มูลค่าจะไม่เกิน 20,000 บาท ก็ต้องเสียภาษีอากร โดยอัตราภาษีก็จะแตกต่างตามประเภทของสินค้า เช่นกระเป๋า 20% นาฬิกา 5% เครื่องสำอาง 30% และโดนคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% ด้วย
อ้างอิง thebangkokinsight