สาวนำรถเข้าซ่อมกับอู่แต่ดันถูกขโมย ตามแกะรอยเองจนเจอ ผู้การถึงกับฉุนตำรวจไม่ตามคดี

เมื่อกล่าวถึงรถยนต์ประสบอุบัติเหตุต้องส่งซ่อมนั้น มักจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับการสลับรถบ้าง สับเปลี่ยนอะไหล่บ้าง หรือในบางกรณีก็คือรถถูกขโมยหายออกไปจากอู่เลย

ซึ่งในแต่ละเคสก็คงต้องฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลและตามสืบเพื่อนำรถกลับมาให้ได้ แต่สำหรับเคสนี้กลายเป็นว่าผู้เสียหายตามสืบหาเองจนเจอ

สำนักข่าวไทยรายงานตรงกันเกี่ยวกับกรณีของ นางสาวพิมพ์ณภัส นวลหงษ์ (คุณจูน) อายุ 27 ปี ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีขาวทะเบียน 1กภ 4366 กทม.

เธอได้นำรถเข้าซ่อมกับอู่แห่งหนึ่งในย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนสุนัขทำให้หม้อน้ำเสียหาย

แต่หลังจากเข้าอู่ได้ 1 เดือน เจ้าของอู่โทรมาแจ้งว่ารถยนต์ถูกขโมยไปและมีภาพคนร้ายอยู่ในกล้องวงจรปิด เจ้าของอู่จึงเข้าแจ้งความกับ สภ.บางบัวทอง เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564

ผ่านไปอีก 1 เดือนในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 คุณจูนได้ข้อมูลจากเพื่อนในเฟซบุ๊กว่า พบรถยนต์คันนี้ลงประกาศขายผ่านเพจที่มีลักษณะคล้ายกับรถของเธอ ประกาศขายอยู่ในเต๊นท์รถย่านนวมินทร์แทน

คุณจูนและเพื่อนจึงตามสืบหาความเคลื่อนไหวในเต๊นท์รถดังกล่าว ก่อนจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.โคกคราม วางแผนล่อซื้อรถยนต์ที่ถูกขโมยมาสวมทะเบียนเป็นเลขใหม่

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบเต๊นท์ขายรถมือสองต้องสงสัย และทำการยึดรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน 2กญ 7181 กทม. ที่มีรายละเอียดตรงกับรถยนต์ของผู้เสียหาย พร้อมกับเชิญเจ้าของเต๊นท์และเซลล์ขายรถมาสอบปากคำ

เพื่อนของคุณจูนกล่าวว่าโชคดีที่เจอรถของคุณจูนในพื้นที่พอดี และเมื่อขอความช่วยเหลือจากตำรวจชุดสืบสวนก็เข้าตรวจสอบในทันที ก่อนหน้านั้นก็เป็นห่วงว่าหากคนร้ายไหวตัวทัน อาจจะติดตามไม่ทันและหากรถหายไปจากเต๊นท์อีกก็คงยากที่ตามกลับมา เพราะตั้งราคาขายเพียง 4 แสนบาท

อย่างไรก็ดี มีการตั้งข้อสงสัยจากเพื่อนคุณจูนว่า ทำไมรถที่นำส่งซ่อมในอู่ย่านบางบัวทองในวันเกิดเหตุ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแบบพอเหมาะพอดีไปหมด ตั้งแต่นำรถเข้าอู่ กุญแจไว้หน้ารถ ประตูอู่เสียแล้วเปิดทิ้งไว้ เมื่อรถหายเจ้าของอู่ก็ไปแจ้งความ แต่ไม่มีการรับผิดชอบอะไร

เจ้าของอู่มีการให้ข่าวว่าชดใช้ค่าเสียหายเป็นหลักแสนซึ่งไม่จริง เพราะคุณจูนได้เพียงแค่ค่าเสียเวลา 5 พันบาทจากเจ้าของอู่คนใหม่ มีการหารถมาให้ใช้โดยไม่ทราบชื่อว่าเป็นของใคร

สิ่งที่น่าเสียใจที่สุดคือการแจ้งความกับ สภ.บางบัวทอง เป็นเวลานานแต่กลับไม่มีความคืบหน้าของคดี เพื่อนๆ จึงต้องช่วยกันสืบหากันเองจนเจอ เมื่อถามตำรวจชุดสืบสวนบางบัวทองกลับบอกว่าอู่นี้มีแบ็คดี

หลังจากที่ตามหารถตัวเองกลับมาได้ คุณจูนรู้สึกดีใจมากที่ทำได้สำเร็จ ยืนยันว่าเป็นของตัวเองแน่นอน เพราะจำรอยตำหนิและสัญลักษณ์ที่มีอยู่ในรถตัวเองได้หมด มีเพียงแค่ป้ายทะเบียนที่เปลี่ยนไป

ขนาดบลูทูธเครื่องเสียงในรถยนต์ก็ยังต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ และการพิสูจน์ด้วยเชื่อมต่อเครื่องเสียงได้ทันทีโดยไม่ต้องกดรหัสเข้าใหม่และเป็นชื่อเดิม

คุณจูนจึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์และขยายผลไปถึงตัวผู้กระทำผิด คาดว่าเป็นขบวนการปลอมแปลง หากช้าไปมากกว่านี้อาจจะถูกย้ายออกไปขายที่อื่นหรือแยกชิ้นส่วนเป็นอะไหล่ขาย

อีกทั้งในคดีนี้เธอกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบางบัวทองในพื้นที่สงสัยว่าเป็นคนลักลอบเอารถออกมาจากอู่เอง ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่ารถหม้อน้ำแตกหรือเสียหายตรงไหน อู่จะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่

และในอู่เองก็อ้างว่าประตูรั้วเสีย ราวกับเอื้อให้คนร้ายเข้ามาขโมย มีการไปแจ้งความรถหายเพื่อปกป้องตัวเอง ยิ่งทำให้ตัวเจ้าของอู่น่าสงสัยมากขึ้น

ในส่วนของ พล.ต.ต.ไพศาล วงษ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ได้รับทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมกับสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ให้ทำหนังสือชี้แจงรายงานความคืบหน้า

ว่าเหตุให้เจ้าของอู่ถึงไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ และทำไมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของ สภ.บางบัวทอง ไม่ติดตามคนร้ายที่ขโมยรถแต่ปล่อยให้ผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงกับเพื่อนออกตามหารถเอง จนนำไปสู่การอายัดในที่สุด