กลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากพอสมควรกับภาพยนตร์ 4 KINGS ที่เพิ่งปล่อยฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็กวาดรายได้ทั่วประเทศไปแล้วมากกว่า 10 ล้านบาท
แต่หลังจากที่ภาพยนตร์ฉายออกไปกลับมีข่าวเด็กช่างหรือคนยกพวกตีกันบ่อยขึ้นกว่าเดิม ถึงขนาดที่ล่าสุดมีการใช้อาวุธทั้งมีดและปืนกันเลยทีเดียว
ประเด็นนี้ทำให้หลายคนต่างตั้งคำถามว่า “เกิดพฤติกรรมเลียนแบบจากภาพยนตร์เรื่องนี้หรือเปล่า?” นอกจากนี้ยังทำให้หลายฝ่ายกังวลด้วยว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงมากกว่านี้ขึ้นในอนาคต
ซึ่งล่าสุดทางด้านผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง พุฒิพงษ์ นาคทอง ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2021 ที่ผ่านมา
โดยตัวเขาเผยว่า ตนต้องการทำภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคม เพราะที่ผ่านมา 15 ปีไม่เคยมีใครทำภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องของเด็กอาชีวะตีกันเลย แต่ก็ยังมีข่าวทำนองนี้เกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ
ทำให้ตัวเขามองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เพราะเขาต้องการสะท้อนให้เห็นผลกรรมของการทำพฤติกรรมแบบนี้ แล้วอยู่ที่ว่าใครจะคิดได้หรือไม่ได้
นอกจากนี้เขายังเผยอีกว่ามันหมดยุคที่เหล่าเด็กอาชีวะจะยกพวกตีกันแล้ว เนื่องจากตอนนี้มีกิจกรรมมากมายให้ทำและแนะนำให้ไปเลียนแบบบุคคลท่านอื่นที่่ทำดีกว่านี้จะดีกว่า พุฒิกล่าวต่อว่า
“สิ่งเหล่านี้ผมว่ามันควรหมดไปจากประเทศไปเราได้แล้ว วงการอาชีวะเราเจ็บปวดมามากพอแล้วครับ
ส่วนที่เอามาโยงกับหนังผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะกี่ปีผ่านมา ต่อให้จะสิบ ยี่สิบ สามสิบปี ต่อให้ไม่มีหนังเรื่องนี้พฤติกรรมความรุนแรงมันก็ยังเกิดขึ้น
ผมว่าเราต้องตั้งคำถามกับสังคมแล้วครับว่าสุดท้ายแล้วปัญหาเหล่านี้มันเกิดขึ้นเพราะภาพยนตร์หรืออะไรกันแน่”
ในตอนท้ายของฝากถึงน้องๆ อาชีวะว่าถ้าเราต้องมาห้ำหั่นกันเพราะความแตกต่างของสีเสื้อ ต่อให้ยุคสมัยของพุฒิหรือยุคสมัยนี้ก็เป็นค่านิยมที่ผิดมาก เขาอยากให้เรามองว่าสุดท้ายทุกคนก็มีหัวใจเดียวกัน
หลังจากที่บทสัมภาษณ์เผยแพร่ออกไปก็มีผู้คนมากมายเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันไปในหลายทิศทาง
บางส่วนเห็นด้วยกับพุฒิที่ว่าภาพยนตร์ไม่เกี่ยวกับพฤติกรรมเลียนแบบเหล่านี้ ในขณะที่บางส่วนมองว่ามันเกี่ยว และควรงดฉายภาพยนตร์ไปเลย เพราะมันมีการตีกันถี่ขึ้นจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่ได้รับการถกเถียงอย่างกว้างขวางในช่วงนี้เลยล่ะ
ชมคลิปสัมภาษณ์
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ที่มา: เรื่องเล่าเช้านี้
ติดตาม CatDumb ได้ในช่องทางอื่นๆ
Website: www.CatDumb.com
Youtube: www.youtube.com/c/CatDumbTV-Youtube
Instagram: www.instagram.com/catdumbnews/
TikTok: www.tiktok.com/@CATDUMBtv