หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส ไม่พ้นสภาพ ส.ส. กลายเป็นกระแสร้อนแรงบนโลกออนไลน์ ตามมาด้วยคอมเมนต์และเสียงวิจารณ์มากมาย
นอกจากการวิจารณ์เรื่องคำตัดสินแล้ว ยังมีการวิจารณ์ถึงเรื่องภาพที่บันทึกออกมาในขณะอ่านคำวินิจฉัย ว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่สวมหน้ากากอนามัยอีกด้วย
ภาพที่เป็นประเด็น และถูกแชร์ส่งต่อบนโลกออนไลน์
ล่าสุด เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ ได้เผยแพร่เอกสารเพื่อมาชี้แจงในกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าภาพที่เห็นนั้นเป็นภาพนิ่งที่บันทึกแยกไว้ก่อนหน้าเพื่อประกอบจอภาพ ส่วนการวินิจฉัยจริงนั้นคณะตุลาการได้สวมหน้ากากครบทุกคน
รายละเอียดของเอกสารที่ออกมา มีดังนี้..
“ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ทำการอ่านคำวินิจฉัยคดี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 เวลา 15.00 น. โดยในขณะที่ทำการถ่ายทอดภาพและเสียงการอ่านคำวินิจฉัยคดีผ่านทางทีวีวงจรปิดได้มีภาพนิ่งของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะที่มิได้สวมหน้ากากอนามัย เข้ามาแทนที่ภาพเคลื่อนไหวของศาลที่กำลังดำเนินกระบวนการอ่านคำวินิจฉัยอยู่ในระยะแรก
ซึ่งคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้สวมหน้ากากอนามัยอยู่โดยครบถ้วนทุกท่าน และภาพนิ่งที่แทรกเข้ามาดังกล่าวอาจเป็นเหตุให้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยในขณะทำการอ่านคำวินิจฉัยคดีนั้น
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันกับข้อเท็จจริง สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขอเรียนชี้แจงว่า ภาพนิ่งดังกล่าวไม่ใช่ภาพในขณะที่ศาลกำลังปฏิบัติหน้าที่อ่านคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด
หากแต่เป็นภาพที่ได้มีการบันทึกไว้ในวาระโอกาสอื่น และนำมาใช้เฉพาะวัตถุประสงค์สำหรับประกอบการถ่ายทอดทีวีวงจรปิดในช่วงเวลาที่ทำการตัดภาพการถ่ายทอดให้มีเฉพาะเสียงการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น
ในการนี้จึงขอเรียนให้ทราบว่า ในขณะที่ศาลทำการอ่านคำวินิจฉัยอยู่นั้น คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่าน ได้สวมหน้ากากอนามัย ซึ่งได้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัดตลอดเวลาจนภารกิจดังกล่าวเสร็จสิ้นในเวลา 15.30 น.”
ภาพที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงว่าเป็นภาพจริง
.
เอกสารดังกล่าว มีการแนบภาพเปรียบเทียบออกมาเพื่อเป็นการยืนยัน
นอกจากนี้ ท้ายเอกสารยังมีการแนบข้อความเพื่อ “ให้ความรู้ทางกฎหมาย” เอาไว้ด้วยว่า…
“บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 34
แต่หากเป็นกรณีการแสดงความเห็นในลักษณะของการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีที่มิได้กระทำโดยสุจริต ใช้ถ้อยคำที่มีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย
เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 และมาตรา 39 และอาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198″