มันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่รึเปล่าไม่อาจทราบได้ เพราะการที่ด่านตรวจนั้นมีหน้าที่ในการตรวจค้นรถต้องสงสัยต่างๆ มักจะมีข่าวออกมาเสมอว่าโดนยัดยาอยู่บ่อยครั้ง และผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม
เรื่องมันมีอยู่ว่าญาติของผู้เสียหายรายนี้ ได้ทำการร้องเรียนกับสื่อมวลชนว่า ในช่วงกลางดึกของวันที่ 7 มกราคม 2565 ช่วงประมาณ 5 ทุ่ม น้องชายอายุ 27 ปี ได้ขับรถเก๋งกลับจากการไปหาแฟน พอลงจากทางด่วนมาถึงถนนสุขุมวิทก่อนเข้าซอยแบริ่ง เข้าปากน้ำ ก็เจอกับตำรวจที่ตั้งด่านอยู่
– ในจังหวะนี้เขาจึงจอดรถห่างจากด่าน 500 เมตร เพื่อทักแชทไปหาแฟน จู่ๆ ก็มีอาสาขี่มอเตอร์ไซค์มาเคาะกระจกเพื่อขอเรียกตรวจค้นในรถยนต์ จนกระทั่งอาสาตรวจพบสิ่งที่เชื่อว่าเป็น ‘ยาเสพติด’ จากนั้นก็โทรแจ้งตำรวจให้ทราบ
– เขารู้สึกตกใจจึงรีบโทรศัพท์ไปบอกแม่ในทำนองว่าโดนยัดยา ถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือทันที และพยายามให้ผู้ถูกกล่าวหาไปชี้จุดที่เจอยา แต่เขาไม่ยอมเพราะไม่ยอมรับว่าเป็นของตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการชกเข้าใบหน้า 2 ครั้ง และมีอาสาทุบกลางหลัง
– เขาถูกควบคุมตัวมาที่ด่านตรวจ ถูกใส่กุญแจมือนานประมาณ 3-4 ชั่วโมง เมื่อที่บ้านทราบเรื่องจึงรีบไปหาที่ด่านตรวจแล้วถามว่าโดนอะไรบ้าง
– เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบแจ้งว่าโดนประเภท 2 เป็นยาเคตามีน ผู้ถูกกล่าวหายืนยันว่าไม่ได้เสพ ขอยืนยันว่าเพิ่งเลิกงานมาและไม่ได้เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด
– ญาติไม่เชื่อว่าเป็นยาเสพติดเหมือนกัน จึงอยากขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจผลซ้ำอีกรอบ เพราะตอนตรวจครั้งแรกไม่เห็นว่ามันมีขีดขึ้นหรือไม่ เพราะตอนตรวจที่เจอบอกว่ามียาเสพติดแล้ว เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามึงมียาแล้วก็จับใส่กุญแจมือทันที ไม่ยอมให้ไปโรงพัก ญาติก็นั่งรอตรงนั้น 3-4 ชั่วโมง
– ญาติขอดูยาที่ตำรวจอ้างว่าเจอในรถ ที่ยืนยันว่าเป็นยาเค 4 กรัม พอเอามาให้ดูก็บอกว่าเจอยาไอซ์ ทางแม่จึงขอพิสูจน์ด้วยการดม พอดมเสร็จก็รู้ทันทีว่าเป็น ‘การบูร’ ที่แม่เอาใส่ไว้ในเก๊ะหน้ารถ
– เมื่อรู้ว่าเป็นการบูรแล้ว ตำรวจยังไม่ยอมปล่อยตัวไป ยืนยันว่าน้องชายยังมีสารเสพติดอยู่ จากตอนแรกที่บอกเป็นประเภท 2 กลายเป็นประเภท 1 หรือยาบ้า
– ญาติอยากให้ตรวจซ้ำอีกรอบว่าจะเจออยู่ไหม ตำรวจยืนยันว่ายังเจออยู่ ญาติจึงอยากให้ตรวจซ้ำต่อหน้า จนหันไปปรึกษากันซักพักก็มาตรวจให้ดู ผลปรากฎว่าไม่พบสารอะไรเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำท่าทีโมโห กล่าวอ้างว่าอย่าเอาคำว่าพวกกูยัดยา จากนั้นก็ปล่อยตัวไป
– หลังจากนั้นญาติจึงไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเรื่องถูกทำร้ายร่างกาย แล้วก็จะมาขอลงบันทึกประจำวัน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าไม่ต้องลง เพราะเดี๋ยวจะมาเป็นคนกลางให้ ถ้าอยากลงก็ไปจนถูกดันเข้าห้อง ตอนนั้นมีตำรวจ 6-7 คน พร้อมกับเสียงพูด “มึงไม่จบใช่มั้ย”
– ญาติผู้เสียหายจึงกลับมาที่รถ เจ้าหน้าที่ยังตามมาเคาะกระจกพร้อมพูดว่า “มึงไม่จบใช่มั้ย ถ้ามึงไม่จบเดี๋ยวมึงเจอกู” จนต้องขับรถหนีออกมา พร้อมกับรู้สึกติดอยู่ในใจว่าทำไมไม่ตรวจให้รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ ไม่ตรวจสอบให้ชัดเจนจริงๆ ก่อน ถ้าที่บ้านไม่ไปยืนยันให้จะเกิดอะไรขึ้น
รายงานข่าวในรายการเที่ยววันทันเหตุการณ์
หลังจากที่เป็นเรื่องถูกร้องเรียนผ่านสื่อไปปุ๊บ ทางด้าน พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้เรียกเจ้านหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง พร้อมกับคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง หากพบว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่จะถูกลงโทษ
ในส่วนเรื่องที่ไม่ยอมรับแจ้งความนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นจากกล้องวงจรปิดของโรงพักและสอบถามร้อยเวร เชื่อว่าเป็น “การคลาดเคลื่อนในเรื่องการสื่อสารกับผู้เสียหาย”
โดยจะตามตัวน้องผู้เสียหายและญาติมาสอบปากคำเพิ่มเติม คาดว่าน่าจะใช้เวลา 7 วัน หากไม่เสร็จสิ้นจะขยายเวลาออกไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้เสียหายและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม CatDumb ได้ในช่องทางอื่นๆ
Website: www.CatDumb.com
Youtube: www.youtube.com/c/CatDumbTV-Youtube
Instagram: www.instagram.com/catdumbnews/
TikTok: www.tiktok.com/@CATDUMBtv