คูรโมโหนักเรียน เข้าเรียนออนไลน์ไม่ถึงครึ่ง-ด่าแบบยับๆ ‘กูทนมามากแล้ว’ วอนสังคมให้อภัย

ตั้งแต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนให้เป็นออนไลน์จากสถานการณ์โควิด ปัญหาที่ตามมาก็เคยมีคนออกมาพูดถึงกันบ้างแล้วว่า ประสิทธิภาพการเรียนการสอนไม่ค่อยดี ทั้งฝั่งคนสอนและคนเรียน และที่เห็นได้บ่อยก็คือตัวนักเรียนส่วนใหญ่มักจะเข้าห้องแต่ไม่อยู่หน้าจอ

แล้วทีนี้ก็เกิดเป็นความรู้สึกอัดอั้นของครูผู้สอนที่เตรียมตัวมาสอนแล้ว แต่นักเรียนไม่มีการตอบสนองกลับมา มีคนเข้าเรียนน้อยกว่าที่คาดเอาไว้ จนครูถึงขีดจำกัดอารมณ์โมโหและด่านักเรียนที่เรียนอยู่ที่บ้านด้วยวาจาหยาบคาย

ผู้ปกครองของนักเรียนรายหนึ่งได้ถ่ายคลิปครูด่านักเรียนผ่านระบบออนไลน์แล้วนำมาโพสต์ในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากฟังแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสมอย่างมาก

โดยคลิปนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 เป็นช่วงที่นักเรียนกำลังเช็คชื่อเข้าเรียนวิชาคณิตศาสตร์ชั้น ม.6 ของโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดนครนายก

ผู้ปกครองเปิดเผยกับสื่อว่าตนกับผู้ปกครองคนอื่นอีก 3-4 คน ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของครูคนนี้ ไม่ยอมและจะเอาเรื่อง เพราะไม่ต้องการให้ครูคนนี้สอนในโรงเรียนต่อไป เกรงว่านักเรียนคนอื่นจะโดนแบบนี้

ในส่วนของ นายพงษ์มิตร สิทธินอก ผู้อำนวยการโรงเรียน รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากขอโทษทั้งผู้ปกครองและนักเรียน เป็นเรื่องของบุคคลไม่เกี่ยวกับโรงเรียน และจะไม่เข้าข้างแน่นอน

ครูผู้สอนที่ปรากฎอยู่ในคลิปเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า จะต้องมีเด็กเข้าเรียนทั้งหมด 35 คน แต่มาจริงแค่ 9 คน ครูจึงเริ่มไม่พอใจแต่ก็พยายามสอนต่อ

จนกระทั่งครูเรียกชื่อนักเรียนคนหนึ่งแต่ไม่มีการตอบกลับ เพราะเด็กไม่อยู่หน้าจอ ทำให้ตนรู้สึกโมโหมากขึ้นจากที่ไม่พอใจอยู่แล้วจนต่อว่านักเรียนไป

แล้วก็มีนักเรียนอีกคนจะเปลี่ยนเรื่องคุย ว่าวันจันทร์จะไปเรียนที่โรงเรียนได้หรือไม่ ซึ่งเป็นช่วงที่โรงเรียนปิดเพราะมีนักเรียนและบุคลากรโรงเรียนติดโควิด ครูจึงรู้สึกว่าเด็กจะทำให้เสียหน้า เพราะเด็กพร้อมไปโรงเรียนแต่โรงเรียนไม่เปิด

ครูจึงใช้วาจาหยาบคายต่อว่าออกไปอย่างที่เห็นในคลิป โดยหลังจากหมดคาบก็มีการพูดคุยขอโทษกันผ่านไลน์แล้ว แต่ครูไม่คิดว่าจะมีผู้ปกครองถ่ายคลิปไปลงโซเชียล ยิ่งทำให้รู้สึกตกใจและตามไปขอโทษกับผู้ปกครองและขอให้ลบคลิปออก

ทางฝั่งผู้ปกครองไม่ยอมลบ ครูก็เลยเตือนไปว่าจะเอาผิดทางกฎหมาย พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพราะทำให้โรงเรียนเสียหาย แต่ไม่ได้คิดจะดำเนินการจริง เพราะตกใจกับกระแสที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ยอมรับผิดที่พูดจารุนแรงกับนักเรียน และอยากขอโทษทุกคนและขอให้สังคมให้อภัยด้วย