ดราม่าสำนักสงฆ์ขึ้นป้าย ห้ามเอาสินค้ามีเครื่องหมายฮาลาลมาถวาย บอกว่าเป็นพุทธสถาน?

เกิดเป็นเรื่องที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างศาสนา หลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพของสำนักสงฆ์ในจังหวัดสุรินทร์บนโซเชียลมีเดีย

กับป้ายห้ามตัวโตๆ ที่ระบุว่า ห้ามนำสินค้ามีเครื่องหมายฮาลาลเข้ามาในสำนักสงฆ์ จนลุกลามกลายมาเป็นดราม่าว่าจะทำให้เกิดความแตกแยกทางศาสนาหรือพระเลือกรับของกันเลยทีเดียว

ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องอ่อนไหวและร้อนแรงพอสมควร สำหรับป้ายสั่งห้ามเหล่านี้ถูกติดตั้งอยู่ที่ตั้งอยู่ที่สำนักสงฆ์แก้วนาคราชแก่นธรรม บ้านน้ำคำ ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์

ป้ายขนาดใหญ่ที่ระบุข้อความไว้ว่า ห้ามไม่ให้ญาติโยมนำของกินของใช้ที่มีเครื่องหมายฮาลาลเข้ามาภายในวัด และมีกากบาทสีแดงที่สัญลักษณ์ฮาลาล

ข้อความที่ระบุบนป้าย

“วัดเป็นเขตพุทธสถาน ขอความร่วมมือให้ญาติโยมทุกท่าน กรุณาอย่านำมาถวายพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ห้ามนำเข้าวัด ผลิตภัณท์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ต่างศาสนานี้ เข้ามาใช้ภายเขตวัดนี้โดยเด็ดขาด”

ชาวเน็ตที่ได้เห็นข้อความบนป้ายเหล่านี้ ต่างก็พากันวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บางส่วนที่เห็นดีเห็นงามด้วยก็มองว่าเป็นการรณรงค์ที่ดี

ในส่วนของคนที่ไม่เห็นด้วยกับข้อความบนป้ายต่างก็สงสัยว่า พระเลือกรับของได้แล้วหรือ สินค้าส่วนใหญ่ก็มีตราฮาลาลอยู่แล้ว หากไม่รับสินค้าที่มีตราฮาลาลจะต้องทำขึ้นมาเองหรือเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนต่างก็กังวลว่าข้อความบนป้ายเหล่านี้จะก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างศาสนาพุทธกับศาสนาอิสลามได้

พระในสำนักสงฆ์บอกว่า แค่อยากสื่อว่าเป็นเขตพุทธสถานเฉยๆ

หลังจากข้อความบนป้ายกลายมาเป็นประเด็น พระมหาธีรเวทย์ สุรจิตโต ประธานสงฆ์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ป้ายดังกล่าวทำขึ้นมาเพื่อต้องการให้รู้ว่าเป็นเขตพุทธสถาน ไม่ได้มีเจตนาสร้างความแตกแยกอะไร และเป็นการขอความร่วมมือเท่านั้น

ทั้งนี้ ที่นี่ยินดีต้อนรับคนทุกศาสนา ส่วนที่ญาติโยมนำมาถวายแล้วมีตราฮาลาล พระอาจารย์ก็จะนำไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ขอย้ำว่าไม่ได้ปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก หากมีคนไม่สบายใจก็ยินดีจะแก้ไข

ในขณะเดียวกัน มุมมองของ นายประสงค์ ทองประ ผู้อำนายการ สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สุรินทร์ ระบุว่าเรื่องป้ายไม่ได้ผิดกฎหมายและไม่ผิดวินัยสงฆ์ เพราะเป็นที่ส่วนบุคคล ยังไม่ได้แต่งตั้งเป็นวัด

แต่ประเด็นที่มองว่าปลุกปั่นหรือสร้างความแตกแยกนั้นมีความเป็นไปได้ เพราะข้อความบนป้ายถือว่าเป็นการแบ่งแยกชาวไทยพุทธและมุสลิม หากสังคมมองว่าเป็นแบบนั้นก็จะเข้าไปตักเตือนต่อไป

ที่มา: sanook, Thairath Online