ในวันนี้ (13 พฤษภาคม 2564) เวลาประมาณ 11.00 น. จากการรายงานของสื่อไทยหลายสำนัก ระบุว่า นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทนายความนายกรัฐมนตรี
พร้อมนายเสกสกล อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อเข้าแจ้งความกล่าวโทษกับ สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล (ฮาร์ท)
หลังจากที่คุณฮาร์ทได้คัดลอกข้อความมาโพสต์บนเฟสบุ๊กว่า “ยาเจ้านายขายไม่ออก สต๊อคไม่เคลื่อนที่ ลิ่วล้อต้องออกมาช่วยเรื่องการตลาด (ผมไปก๊อปคนอื่นเขามาอีกที) #ผูกขาดวัคซีนนี่ถ้าไม่เหี้ยมจริงทำไม่ได้นะ” และไม่ได้ทำการลบออกจากเฟซบุ๊กส่วนตัว
เมื่อผู้แจ้งจับตรวจสอบพบว่า ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ได้เขียนเพิ่มเติมว่าเป็นวัคซีนเจ้านายและได้มีการเขียนระบุว่า เป็นการผูกขาดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเมื่อใครได้ยินได้อ่านหรือได้ฟังก็รู้ว่าพูดถึงใคร
ซึ่งต้องมองที่เจตนาและมีการพาดพิงข้อความในลักษณะนี้หลายครั้ง เป็นการดูหมิ่นให้ร้าย ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ม.112
วันนี้จึงได้รวบรวมหลักฐาน มาร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อเอาผิดในมาตรา 112 และเอาผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ส่วนที่มองว่าสุทธิพงศ์ไม่ได้พูดเจาะจงถึงสถาบันจะเอาผิดได้หรือไม่ นายอภิวัฒน์ ระบุว่า เรื่องนี้จะต้องให้ตำรวจไปสืบค้นข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีนักการเมืองใหญ่ ออกมาพูดเรื่องการผูกขาดวัคซีน และก็ถูกดำเนินคดีไปแล้ว และพบว่ามีการกระทำเป็นขบวนการ
ทางด้านนายเสกสกล กล่าวว่า สิทธิพงศ์ต้องไปศึกษา เอาสิ่งที่ดีมีประโยชน์และเป็นข้อเท็จจริงมาสื่อสารให้ประชาชนคนไทยได้รู้ ซึ่งบริษัท ที่ผลิตวัคซีนที่อังกฤษได้ไว้วางใจให้ บริษัท สยามไบโอไซน์ เป็นผู้ผลิตถือว่าคนไทยโชคดี ที่จะมีวัคซีนใช้ที่ผลิตโดยประเทศไทย
ซึ่งการโพสต์เช่นนี้ ทำให้เสื่อมเสีย พร้อมมองว่าเมื่อมีวุฒิภาวะ เป็นถึงบุคคลสาธารณะ ที่มีแฟนคลับ การกระทำใดๆ ก็ต้องพึงระวัง และการแจ้งความดำเนินการแบบนี้ ก็เพื่อให้บุคลลอื่นๆ เอาเป็นไปเยี่ยงอย่าง
อย่างไรก็ตาม ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ได้โพสต์เฟสบุ๊กถึงกรณีนี้สั้นๆ ว่า “มีที่ไหน นายกฯ ฟ้องประชาชน?” โดยมีประชาชนและแฟนคลับจำนวนมาก เข้ามาแสดงความเห็นเชิงให้กำลังใจ
ที่มา: prachachat, khaosod, voicetv