นับว่าเป็นอีกข่าวที่อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่เกี่ยวกับวงการสิ่งแวดล้อมโลกไปแล้ว เมื่อในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานควบคุมดาวเทียมคอเปอร์นิคัสเพื่อการติดตามสภาพบรรยากาศโลกแห่งยุโรป (CAMS) ได้ออกมาเปิดเผยว่า
นับแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่ไซบีเรียได้กำลังเกิดเหตุไฟไหม้ป่า ครั้งใหญ่ และเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศโลกแล้วกว่า 800 ล้านตัน ในเวลาเพียงราวๆ 2 เดือนครึ่ง
ผลักดันสถิติการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากไฟป่าทั่วโลกให้พุ่งสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบ 20 ปี เลยด้วย
ไฟป่าที่ไซบีเรียในปัจจุบันนั้น กินพื้นที่ไปกว้างกว่า 161,300 ตารางกิโลเมตร และมีความรุนแรงที่สุดในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งไฟป่าที่ไซบีเรียเพียงที่เดียว ได้กินบริเวณไปมากกว่า พื้นที่ไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันทั่วโลกรวมกันเสียอีก
ความใหญ่โตของไฟในครั้งนี้เองก็ทำให้ไซบีเรียปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นจากสถิติปีที่แล้วถึง 2 เท่า
แถมไฟป่าดังกล่าว ยังสร้างควันหนาทึบแผ่ขยายตัวเป็นวงกว้างกว่า 6,437 กิโลเมตร ปกคลุมไปไกลถึงขั้วโลกเหนือและรัฐอะแลสกา ส่งฝุ่นละอองจำนวนมากไปยังเขตอาร์กติก ซึ่งอาจเร่งให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นไปอีก
นี่อาจจะเป็นเหตุไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกเลยก็เป็นได้ และแม้ในปัจจุบันภาพจากดาวเทียมจะแสดงให้เห็นว่าไม้ในบางจุดได้ดับไปบ้างแล้วก็ตาม แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก็คงจะสร้างผลกระทบรุนแรงต่อภาวะโลกร้อนไม่ใช่น้อยเลย
ที่มา
www.nationalgeographic.com/environment/article/siberias-massive-wildfires-are-unlocking-extreme-carbon-pollution
www.eumetsat.int/science-blog/siberian-smoke-plume-reaches-north-pole-fires-set-other-unwanted-records
www.space.com/siberia-wildfires-greenhouse-gas-emissions-satellite-images
www.bbc.com/thai/international-58290911
www.greenpeace.org/international/story/49171/russia-record-breaking-fires-siberia/