หลังเชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดมาเป็นเวลาปีกว่า ปัจจุบันหลายประเทศก็ได้ผลักดันให้ประชากรฉีดวัคซีน เพื่อให้สถานการณ์ภายในประเทศกลับมาเป็นปกติหลังประชาชนมีภูมิคุ้มกันเชื้อโรค
และหนึ่งในประเทศที่ว่าก็คือ สหรัฐอเมริกา ที่ปัจจุบันในบางรัฐ ฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ทั่วถึง จนสามารถแจกจ่ายวัคซีนให้กับนักท่องเที่ยวได้
วันนี้เราจึงอยากนำเรื่องราวของคุณ ‘มาดามมะม่วง’ บล็อกเกอร์หญิงชาวไทย ที่ได้เอาประสบการณ์ ‘บินไปฉีดวัคซีนที่อเมริกา’ มาแชร์ให้เราได้ทราบกัน ว่ามีขั้นตอน เป็นอย่างไร
โดยการรีวิวครั้งนี้ คุณมาดามมะม่วง ได้แชร์ลงโซเชียลหลายช่องทาง ทั้ง บล็อก เฟซบุ๊กแฟนเพจ และบนเว็บไซต์ Pantip.com ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
เกริ่นนำ
พึ่งบินมาจากประเทศไทยค่ะ และวันนี้เป็นวันต่อมาหลังจากที่เราได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกเรียบร้อย
อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ว่ามันทำได้นะ ทำอย่างไร เริ่มยังไง บนความที่ต้องเสียสละอะไรบ้าง และค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่
เราหวังว่าข้อมูลที่รวบรวมมาจะเป็นประโยชน์สำหรับบางคนบ้างก็ยังดี เผื่อใครมีอาการใกล้บ้าเหมือนกัน จะได้ลองพิจารณามาฉีดยาต้านบ้าและแก้โรคประสาทที่อเมริกาดูนะคะ ^^
สำหรับคนที่คิดว่าเราบ้า ใช่เลยค่ะ เราบ้า 5555555+ แต่พอได้ฉีดแล้วรู้สึกหายบ้าไปเยอะค่ะ
เราในฐานะ “ประชาชน” เราก็ต้อง “เริ่มต้นที่ตัวเอง” “พึ่งพาตัวเอง” “อย่ามัวแต่รอความช่วยเหลือ” ค่ะ!
ขั้นตอนการเตรียมตัว บินไปอเมริกา เดือนเมษายน 2564
ขั้นแรก เช็คลิสก่อนว่าตัวเองไปได้มั้ย/ ต้องไปนานแค่ไหน
ก่อนจะเริ่มวางแผนการใหญ่ไปให้ไกลถึงดวงจันทร์ เรามาเช็คกันก่อนคร่าวๆ ว่าเราไปได้หรือเปล่าค่ะ
1. มีวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา B1/B2 ที่ยังไม่หมดอายุภายใน 6 เดือนค่ะ แปลว่า สำหรับ ณ วันนี้เดือนเมษายนก็จะห้ามหมดอายุก่อนเดือนตุลา 2564 ค่ะ
.
2. มีคนบอกว่า วีซ่าต้องไม่ได้ใหม่กริบค่ะ ต้องมีเคยเข้าออกอเมริกามาบ้างแล้ว หากใครเคยทำวีซ่าแล้วยังไม่เคยเข้าประเทศ อาจจะมีลุ้นค่ะ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติมที่แตกต่างจากนี้ฝากแจ้งหน่อยนะคะ จะได้อัพเดทข้อมูลใหม่ค่ะ
.
3. สามารถไปอยู่ที่อเมริกาได้นาน 32 วันเป็นอย่างน้อย หรือจะไปอยู่จนช่วงเวลาที่ ตม. อนุญาตหมด (ส่วนมาก 6 เดือน) ได้ ก็ได้เลยค่ะ ^^
สำหรับเคส 32 วันสั้นสุด คือ ไปถึงวันแรกฉีดเลย แล้วอีก 21 วันฉีดเข็มที่ 2 เสร็จแล้วบินกลับไทยทันที กลับมาถึงมากักตัว 10 วันเลย (เข้าใจว่าบินจากอเมริกาตอนนี้กักตัว 10 วันนะคะ / หากข้อมูลเปลี่ยนแปลงฝากแจ้งด้วยค่ะ)
ถ้าไปแบบสวยงามปานกลาง คือไปถึงแล้วพักผ่อนให้หาย jet lag ก่อนค่ะ การเดินทางร่วม 20 ชั่วโมง (หรือบางไฟลท์อาจจะ 30 ชั่วโมง) มันเหนื่อยมากกกกก ร่างกายเราอาจจะเพลีย พอไปเจอวัคซีนอีกอาจจะเดี้ยงได้ค่ะ ดังนั้นควรพักก่อนสัก 3-7 วัน อันนี้แล้วแต่ว่าแต่ละคนต้องการการพักมากน้อยแค่ไหน มาดามแก่แล้วมาดามขอปักหมุดพัก 7 วันค่ะ 555555
อีกปัจจัยที่ทำให้ระยะเวลาที่อยู่อเมริกาเปลี่ยนแปลงคือ หลังจากฉีดเข็ม 2 แล้วจะบินกลับทันทีเลย หรือจะพักดูอาการสักสองสามวัน แล้วบินกลับไทยกักตัว 10 วัน สองทางเลือกนี้ไม่ต่างกันเลยค่ะ อันนี้แล้วแต่ความสบายใจของตัวเองว่า กลัวจะไปน็อคบนเครื่องม๊ายยยยยย….
หรือจะพัก 14 วัน หลังฉีดวัคซีน เพื่อที่บินกลับมาไทยแล้วกักตัวแค่ 7 วันค่ะ (ตอนนี้เข้าประเทศไทย ต่อให้ฉีดวัคซีนแล้วก็ต้องกักตัวอีก 7 วันค่ะ ในขณะที่ประเทศอื่นเค้าไม่ต้องกักตัวแล้วค่ะ!)
.
4. ปัญหาอื่นๆ ระหว่างอยู่ไทย จะไปต่ออย่างไร ลางานอย่างไร ใครดูแลน้องหมาน้องแมว อันนี้คงไม่ต้องบอกเนอะ บ้านใครบ้านคนนั้น ^^
.
ทำตารางมาให้ เผื่อใครอยากดูแบบตารางค่ะ
*อัพเดท ณ วันที่ 29 เมษายน ร้าบ้านเพิ่มเวลาการกักตัวเป็น 14 วันทุกกรณีค่ะแหม่ ถถถถถถถ*
ค่าใช้จ่ายหลักๆ มีอะไรบ้าง
อันนี้เอาจากประสบการณ์ตรงมาดามนะคะ แต่ละช่วงเวลา แต่ละรัฐ น่าจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไปค่ะ
1. ค่าวีซ่าอเมริกา – ค่าทำวีซ่าอยู่ราวๆ 5,000 บาท ส่วนสถานฑูตเปิดมั้ยอันนี้ต้องลองเช็คดูนะคะ ><
เว็บไซต์ทำวีซ่า https://th.usembassy.gov/
2. ค่าตั๋วเครื่องบิน – ANA economy ไปกลับ ราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท // บิสซิเนสอยู่ที่ 200,000 ค่ะ อีกสายการบินที่แนะนำคือ EVA Air แต่พอดีวันที่ไม่ลงตัว มีเพื่อนกระซิบว่าอย่าเลือกสายการบินที่ไป via Europe นะคะ เค้าอาจจะไม่รับเข้าประเทศค่ะค่ะ (อันนี้ลองเช็คอีกทีนะคะ ไม่ได้เป็นประสบการณ์ตรง และเคสนั้นก็เกิดนานแล้วในช่วงยุโรประบาดหนักๆ ตอนนี้อาจจะมีการเปลี่ยนแล้ว)
เว็บไซต์ดูเรื่องตั๋วเครื่องบิน
เช็คไฟลท์เบื้องต้น https://www.skyscanner.co.th/
ANA Airline https://www.ana.co.jp/en/th/
EVA Airline https://www.evaair.com/
3. ที่อยู่อาศัย – มาดามไปอยู่ในดงที่ค่าเช่าบ้านแพงที่สุดที่นึง เดือนนึงตกราวๆ 1 แสนบาท สำหรับบ้านที่มี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นค่ะ 1 ห้องครัว 1 ห้องทานข้าว พื้นที่ประมาณ 55-75 ตรม. (เท่ากับ 600-800 ตารางฟุต ซึ่งเป็นหน่วยวัดที่อเมริกา) (ุความหรูหราก็ประมาณว่าถ้าเป็นคอนโดที่ไทยตีว่าเทียบเท่าห้องที่มีค่าเช่าราวๆ 4-50,000 บาทต่อเดือนได้ค่ะ) บ้านทั้งหลังอาจจะแพงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับความหรูหรา และสิ่งอำนวยความสะดวกในบ้านค่ะ ถ้ามีเพื่อนอยู่อเมริกา ลองเต๊าะออดอ้อนดูนะคะ จะช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเลย หรือไปหลายคนเช่าบ้านแชร์กันก็ประหยัดกว่ามากค่ะ (บ้าน 2 ห้องนอน + ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ห้องครัว อยู่ราวๆ +150,000 บาทค่ะ)
เว็บไซต์ดูเรื่องบ้าน
AIR BNB https://www.airbnb.com/
ZEUS https://zeusliving.com/property-management
4. ค่าการเดินทางระหว่างอยู่ที่อเมริกา – ต้องมีรถขับค่ะ อาจจะไม่จำเป็น แต่มีไว้ก่อนอุ่นใจค่ะ ค่าเช่ารถก็ 21,000-30,000 ต่อเดือนค่ะ อันนี้เลือกแบบ eco car นะคะ ส่วนรถที่แพงกว่านี้ ก็แพงกว่านี้ค่ะ 5555 ส่วนตัวมาดามคิดว่านั่งอูเบอร์ได้ ยังไงเราก็ไมไ่ด้ออกไปเที่ยวไหนไกลๆ อยู่แล้ว และมาดามก็ชอบเดินเล่นมากกว่า แต่คุณสามีผู้เป็น introvert ขอขับรถเองค่ะ ก็ต้อง F เพิ่มไป T_T
เว็บไซต์สำหรับเช็ค
https://www.kayak.com/cars (เหมือน skyscanner เลยค่ะ รวมทุกยี่ห้อ)
5. ค่าอาหารระหว่างอยู่ที่อเมริกา – จากประสบการณ์ ถ้าทำกินเองที่บ้านราคาไม่ต่างกับที่อยู่ไทยเท่าไหร่ค่ะ แต่ถ้าไปกินที่ร้านอาจจะแพงกว่าเพราะอาหาร portion เค้าใหญ่กว่ามากแบบ 2 คนสั่งจานเดียวยังกินไม่หมด และยังมีทิปอีก +18-20% on top ไปอีกค่ะ ซึ่งส่วนตัวมาดามขอเวฟไม่รวมค่ากินตรงนี้เข้าไปในการประเมินค่าใช้จ่าย เพราะว่าอยู่ไทยเราก็ต้องกินเหมือนกันค่ะ!
6. ค่ากักตัวหลังจากกลับมาไทย – ถ้ากักตัวของรัฐบาล ฟรีค่ะ // ถ้ากักตัวของเอกชน ราคาเริ่มต้น 7 วัน คนละประมาณ 30,000-70,000 บาท แล้วแต่โรงแรมที่เราเลือก (จริงๆ เป็นแสนบาทไปจนถึงสามแสนบาทก็มีค่ะ) บางโรงแรมอยู่ 2 คนสามีภริยาได้ (ต้องมีใบทะเบียนสมรส) บางโรงแรมให้อยู่ด้วยกันได้แต่ราคาคูณสอง บางโรงแรมถ้าอยู่ด้วยกันลดให้นิดหน่อย อันนี้ต้องลองโทรสอบถามแต่ละที่ดูค่ะ
เว็บไซต์ดูโรงแรม/ราคาที่รับกักตัว
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1z9a0-ROZXm1OJX13LHxkanKCS0h5O60sCfhx5LuMHoY/edit#gid=1764356728
7. ค่าตรวจโควิดที่ไทยก่อนเดินทาง 3,500+ บาท
เว็บไซต์ที่รับตรวจโควิดสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ
– WelMed https://hdmall.co.th/health-checkup/covid-19-realtime-pcr-examination-1-person-wellmed-bangkok-clinic
– โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน https://www.thaitravelclinic.com/th/FrontNews/covid19-med-certificate.html
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีกมากที่อาจจะทำให้ไปไม่ถึงดวงดาว ไม่ว่าจะเป็น ผู้ติดเชื้อพุ่งสูงมากจน lock down ห้ามบินออกประเทศไทย / ห้ามบินเข้าอเมริกา / ตม. ไม่ให้ผ่านเข้าเมือง / ไปถึงแล้ววัคซีนหมด / กลับมาไทยมีวัคซีนให้ฉีดแล้ว / ไปแล้วติดโควิด ฯลฯ ซึ่งของพวกนี้คือสวดมนต์ล้วนๆ ค่ะ สวดทุกบทที่จำได้เลยค่ะ
ขั้นตอนการเริ่มปฏิบัติการจองตั๋วไป/กลับ ต้องทำอะไรบ้าง ทำอะไรก่อน-หลัง
ถ้าเช็คลิสผ่านแล้วว่าลางานได้ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายไหว และ ยังคิดว่า “ไป!!” อยู่ มาเริ่มดำเนินการกันค่ะ
งานนี้เหนื่อยมากๆ เลยค่ะ รายละเอียดเยอะ สู้ๆ นะคะ ^_^
#ขาไป
1. จองตั๋วเครื่องบินให้ได้วันเดินทาง
เว็บไซต์ดูเรื่องตั๋วเครื่องบิน
เช็คไฟลท์เบื้องต้น https://www.skyscanner.co.th/
ANA Airline https://www.ana.co.jp/en/th/
EVA Airline https://www.evaair.com/
2. นำตั๋วเครื่องบินไปนัดตรวจโควิดก่อนบินออกนอกประเทศ (ตรวจไม่เกิน 72 ชั่วโมง สำหรับอเมริกา//บางประเทศ 48 ชั่วโมง // กรุณาอัพเดทข้อมูลล่าสุดบ่อยๆ)
เว็บไซต์ที่รับตรวจโควิดสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ
– WelMed https://hdmall.co.th/health-checkup/covid-19-realtime-pcr-examination-1-person-wellmed-bangkok-clinic
– โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน https://www.thaitravelclinic.com/th/FrontNews/covid19-med-certificate.html
3. เดินทางตามกำหนด ป้องกันตัวอย่างเต็มที่ เผื่อเวลาที่สนามบินเยอะหน่อยเพราะยังไม่มั่นใจว่าจะต้องเจออะไรบ้าง เผื่อไป 3+ ชั่วโมงค่ะ
4. ไปถึงอเมริกา ไม่ต้องกักตัวใดๆ เดินทางไปที่พักได้เลย เย้! (กรุณาอัพเดทข้อมูลล่าสุดด้วยนะคะ)
#ขากลับ
1. ลงทะเบียน COE เพื่อให้ได้โค้ตที่ https://coethailand.mfa.go.th / หรือติดต่อสถานทูต ว่าจะขอกลับไทย
เท่าที่อ่านในนี้มีขั้นตอนครบถ้วนเลยค่ะ
2. จอง ASQ
เว็บไซต์เลือกห้องจากที่นี่ https://docs.google.com/spreadsheets/d/1z9a0-ROZXm1OJX13LHxkanKCS0h5O60sCfhx5LuMHoY/edit#gid=1764356728
การจอง ASQ และ ALQ ดังกล่าว ทำได้ 5 วิธีดังนี้
(3.1) จองกับโรงแรมโดยตรง
(3.2) จองผ่านเว็บไซต์ https://asqthailand.com/
(3.3) https://asq.locanation.com/
(3.4) https://asq.ascendtravel.com/
(3.5) https://www.agoda.com/quarantineth
3. คอนเฟิร์มตั๋วกลับให้อยู่ในกำหนด
4. เมื่อได้รับอนุมัติ COE จากสถานฑูตแล้วให้ปริ้นท์แนบไปในวันเดินทาง
5. กลับเข้ามาไทย กักตัว 7 วัน หากฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและได้พัก 14 วันก่อนเดินทางกลับ / หรือ 10 วัน ในกรณีที่ฉีดวัคซีนแล้วพักไม่ถึง 14 วันก่อนเดินทางกลับ
**อัพเดท 29 เมษา ลุงประกาศว่ากักตัว 14 วันทุกกรณี!! แม้มีวัคซีนก็ตาม โอ๊ยยยย ตรรกะ
จองวัคซีนไว้ อุ่นใจว่ามีฉีดแน่นอน
อัปเดต 24/4/64 ช่วงค่ำๆ เรื่องการฉีดวัคซีนเริ่มเป็นข่าวดัง ความแพนิคก็กลัวว่าวัคซีนจะหมด (เราอยู่ในประเทศที่บอกว่าวัคซีนหายากๆๆๆๆๆ โปรดเข้าใจความพารานอยด์ ^^”) ความแพนิคนี้ on top ไปบนความกลัวว่า กฎการเดินทางจะเปลี่ยน กฎการฉีดวัคซีนจะเปลี่ยน ตม. จะไม่ให้เข้าประเทศ ฯลฯ อีกมากมาย
แต่ life goes on ค่ะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป…
ดังนั้น แม้เพื่อนทุกคนที่อเมริกาจะบอกว่ามีเหลือเฟือ เดินไปฉีดที่ไหนก็ได้เลย ว่างมาก โล่งมาก ปลอดภัย เราก็เข้าเว็บไปกดจองกันก่อนดีกว่า เอาชัวร์ไว้ก่อน ^^
เว็บไซต์สำหรับจองฉีดวัคซีน (มาดามไป California นะคะ สำหรับรัฐอื่นต้องลองหาดูน้าา) https://myturn.ca.gov
ซึ่งการจะเข้าเว็บนี้ได้ต้องมุด VPN นะคะ
โดยเราสามารถเลือกที่จะฉีดที่ไหนก็ได้ จะใกล้บ้าน ไกลบ้านก็เลือกได้หมดเลย
บางที่มีชื่อวัคซีนบอกว่าที่นี่ฉีดอะไร บางที่ไม่มี
บางทีเปิดแค่บางวัน… ไม่ใช่เพราะเต็มนะคะ เพราะว่ามันว่างมากกกก เค้าอยากให้คนรวมกันไปฉีดเยอะๆ หน่อย จะได้คุ้มค่าการเปิดขวดวัคซีนค่ะ
ตัวอย่างของการมีชื่อวัคซีนบอก แต่บางที่ก็ไม่มีค่ะ
การกดจองนี้เค้าจะให้จอง 2 วันเลยค่ะ เว้นห่างกัน 3 สัปดาห์ ระบบกำหนดไว้ให้เลยไม่มีผิดพลาดในการนับวันแน่นอน
ข้อมูลที่เราต้องมีเพื่อใช้ในการจองวัคซีน
1. ชื่อ นามสกุลเรา
2. วันเกิด
3. ชื่อแม่เรา (Mother or guardian’s first name)
4. เพศ
5. เชื้อชาติ
6. ทำงานอะไรอยู่
7. อีเมล์
8. ที่อยู่เราในสหรัฐอเมริกา (กรอกที่อยู่บ้านที่เราเช่าได้เลย)
9. เบอร์โทร (เบอร์สหรัฐอเมริกา/ ใช้เบอร์เพื่อนได้/ ใช้เบอร์ที่เคยใช้ไปแล้วซ้ำได้ค่ะ)
10. มีประกันมั้ย และรู้สึกป่วยมั้ยวันนี้
โดยเมื่อเรากรอกเสร็จ ระบบจะส่ง OTP มาให้เราทางอีเมล์และ SMS
เราก็เอา OTP ไปกรอกเพื่อทำการคอนเฟิร์มในเว็บไซต์อีกครั้งนึง ก็เป็นอันเสร็จค่ะ
เรียบร้อยแล้วก็จะได้อีเมล์และ SMS ยืนยันนัด พร้อม QR Code สำหรับเอาไปยื่นในวันนั้น
ในความประทับใจระหว่างกดจองวัคซีน อยากจะขอเอามานำเสนอไว้เป็นแนวทางเผื่อว่าประเทศไทยจะมีคำนึงถึงตรงจุดนี้บ้างค่ะ คือเค้าจะถามครอบคลุมถึงความช่วยเหลือที่ประชากรเค้าอาจจะจำเป็นและต้องการแทบทุกอย่างเลยค่ะ
เช่น ต้องการให้ใครไปเป็นเพื่อนมั้ย/ ต้องการให้สัตว์มานำทาง/ ต้องการเวลามากกว่าปกติ/ ต้องการคนช่วยกรอกเอกสาร (เข้าใจว่าเวลาไปถึงที่ฉีดแล้วต้องกรอกเอกสารอีกชุดนึงก่อน) / ต้องการผู้แปลภาษามือ/ ต้องการเครื่องช่วยฟัง/ ต้องการให้ปริ้นท์ตัวหนังสือใหญ่ๆ, อักษรเบรล, สื่อแบบที่เป็นเสียง ฯลฯ/ ต้องการห้องน้ำ/ ต้องการที่นั่งหากต้องยืนนานๆ/ ฯลฯ
โอ้โหลิสยาวมากค่ะ ช่างเป็นห่วงทุกผู้ทุกคนรอบด้านจริงๆ
การตรวจโควิดและเอกสาร fit to fly
ก่อนจะบินก็ต้องไปตรวจโควิดกันก่อนค่ะ ซึ่งมาดามไปตรวจที่ WellMed สุขุมวิท 25 อยู่ชั้น B1 ของอาคารวสุ ปากซอยสุขุมวิท 25 เลย
โดยการตรวจจะต้องตรวจและบินภายใน 72 ชั่วโมง (ในบางประเทศต้องบินภายใน 48 ชั่วโมงค่ะ) และเท่าที่ได้ยินมาคือไม่จำเป็นต้องใช้เอกสาร fit to fly นะคะ เอาแค่ผลตรวจโควิดก็พอ แต่ที่นี่มีให้ทั้ง 2 เอกสารเลยในราคาเดิม ก็ควรจะพกไปเผื่อค่าาา
สถานที่เล็กๆ คนไม่เยอะ ไม่ต้องกลัวแออัดแล้วจะพาติดโควิดค่ะ 55555+
(ภาพทั้งหมดนี้ได้ขอทาง LAB แล้วว่าจะถ่ายแบบนี้นะ เพื่อเอามารีวิวให้สำหรับท่านที่อยากจะลองไปตรวจดูค่ะว่าเป็นอย่างไร ^^)
ในส่วนของการเก็บตัวอย่างก็ทำ 2 แบบ คือเก็บน้ำลายด้วยการเอาคัตตอลบัตป้ายน้ำลายเรา ซึ่งไม่เจ็บไม่ใดๆ ทั้งนั้น เวลาหมอเอาไม้กดคอตรวจทอลซิลยังจะอ๊อกมากกว่าอีก
และอีกหนึ่งความกังวลคือการแยงจมูก ซึ่งเอาจริงๆ ไม่เจ็บมากอย่างที่กลัวค่ะ อาการจะแสบจมูกนิดหน่อยเหมือนเวลาว่ายน้ำแล้วเราเผลอหายใจเอาน้ำเข้าไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
จากนั้นประมาณ 1 ทุ่มก็ได้รับผลทางอีเมล์ค่ะ (มาดามไปตรวจตอน 11.00 น) ปรากฎว่าไม่ติด โคโอ ยูวิน!! เลต-สะ-โก๊!!!
ด้วยความพารานอยด์เป็นที่ตั้ง แม้สายการบินจะบอกว่าใช้เอกสารปริ้นท์ผลตรวจโควิดได้ แต่มาดามก็จะต้องเอาตัวจริงไปด้วยค่ะ ดังนั้นวันต่อมา มาดามก็เรียกรถไปรับเอกสารมาส่งให้ที่บ้าน ซึ่งตรงนี้แอบวุ่นวายเล็กน้อยเพราะว่าให้รถไปรับที่สุขุมวิท 25 แต่ผลแลปอยู่สุทธิสารจ้าาา การนี้ใครจะไปรับเอกสารก็อย่าลืมเช็คดีๆ นะคะ ตรวจที่นึงแต่ผลจะอยู่อีกทีจ้าาา ไม่เห็นมีใครบอกหมวยเลย!!
มาถึงเรื่องการฉีดวัคซีนกันค่ะ
หลังเดินทางมาถึงอเมริกาแล้วมาดามกะว่าจะมาถึงแล้วพักผ่อนให้หาย jet lag ก่อน ร่างกายจะได้แข็งแรงพร้อมเจอพิษและไม่ร่วงง่าย บวกกับตั้งแต่วันที่รู้ว่าจะมา (รู้ตัวประมาณ 3 วันก่อนหน้า) ก็คือโด๊ปผลไม้ วิตามินรวม นอนเยอะๆ กินโปรตีนเยอะๆๆ กินแบบอัดสุดใจเลยค่ะ
ปรากฎว่าพอมาถึงก็ไปช้อปของกินเข้าบ้าน นอนไปหนึ่งคืน ตื่นมาตอนเที่ยงสดชื่นแฮะ ไม่แฮงค์ใดๆ กินไก่ตุ๋นยาจีนโด๊ปต่อเป็นมื้อเช้า …. แล้วว่างแฮะ
บวกกับอยากไปเจอเพื่อนๆ แล้ว อยากไปนั่นไปนี่ คุณสามีก็ถามว่าไปฉีดเลยมั้ยละ มาดามก็คิดว่าเออก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าถ้าร่วงก็จะได้นอนควบ jet lag ไปเลย ไม่ต้องเสียเวลานอนซ้ำซ้อน 555555
วันนั้นก็เลยหาที่ฉีดวัคซีนใหม่ค่ะ
เราก็เข้าเว็บไปเช็คอีกทีค่ะ ปรากฎว่ามีที่ CVS แถวที่ที่อยากไปขับรถเล่นพอดี คิวโล่งแบบไม่มีอะไรมากั้น
มองดูเวลาก็บ่ายสองแล้ว งั้นจองสัก 5 โมงเย็นละกันนะ เดี๋ยวค่อยๆ ไปอาบน้ำ เก็บของอีกนิดหน่อย แล้วค่อยขับรถไปฉีดแล้วก็กินข้าวแถวนั้นต่อเลย
เมื่อมาถึง CVS ก็จะมีจุดสำหรับลงทะเบียนค่ะ พนักงานก็ถามว่าเรามีจองมามั้ย จองมากี่โมง
ซึ่งถ้าไม่จองก็สามารถมาได้นะคะ คนข้างหน้ามาดามก็ไม่ได้จองมาค่ะ อาจจะต้องตอบแบบสอบถามเพิ่มนิดหน่อย แต่สามารถฉีดได้ค่ะ
จากนั้นก็ต่อคิว ซึ่งมีคิวข้างหน้าประมาณ 4-5 คนเท่านั้นเอง
พอถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่ก็ถามชื่อ นามสกุล
ซึ่งข้อมูลของเราก็อยู่ใน palm/มือถือ ของเจ้าหน้าที่นั่นเอง
ไม่มีการขอดูพาสปอร์ต หรือไอดีใดๆ เลยค่ะ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปนั่งที่เก้าอี้หลังฉาก 1 ใน 2 ชุดที่มีค่ะ (มีจุดฉีด 2 จุด) มาดามก็ขออนุญาตถ่ายคลิปนะ เค้าก็บอกว่ายินดีมากๆ ตอนแรกสามีก็ยืนไกลๆ เกรงว่าจะรบกวน แต่เจ้าหน้าที่ช่วยบอกมุมให้อีกต่างหากว่ามายืนตรงนี้สิเห็นชัดกว่านะ โอ้โห…. น่ารักเป็นที่สุด
เจ้าหน้าที่ถามวันเกิดอีกครั้ง เพื่อ verify ว่าเราเป็นเราอ่ะเนอะ
จากนั้นก็ถามว่าอยากฉีดข้างไหน
ถามว่าแพ้อะไรมั้ย
ถามว่าแพ้ยาอะไรมั้ย
และถามว่ามีคำถามอะไรมั้ย
มาดามจึงถามไปว่าถ้าเกิดว่าเราแพ้ หล่ะ ยูมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตยังไงบ้าง
เจ้าหน้าที่บอกว่าจะมีที่ให้ไปนั่งรอ 15 นาทีนะ หากมีอาการอะไรก็ให้เดินมาบอก ถ้าไม่มีก็กลับบ้านได้ โอ้โห ชิลจังแฮะ
มาดามก็บอกว่าตื่นเต้นจังใจเต้นเร็วเลย นางบอกว่าไม่ต้องห่วงน้าาา ไม่เป็นอะไรหรอก ฉีดมาเยอะมากไม่เคยมีใครเป็นอะไรเลย พร้อมลูบแขนเราเบาๆ ปลอบประโลม
หลังตกลงฉีดเจ้าหน้าที่ก็ใส่ถุงมือคู่ใหม่ วัดอุณหภูมิด้วยการยิงเหม่งมาดาม เช็ดแอลกอฮอล์ที่แขน
แล้วก็หยิบเข็มค่ะ (เข็มเค้าหน้าตาแปลกมากๆๆๆ //ยังหาคำตอบอยู่ว่าทำไมเข็มถึงอลังการขนาดนี้)
จากนั้นมาดามก็เหมือนตัวค้างไปนิดนึงด้วยความกลัว (เป็นคนกลัวเข็มมากกก) เหมือนเจ้าหน้าที่เค้าก็หยิบเนื้อแขนมาให้ตุ่ยๆ เอาเข็มปักลงไป แล้วก็เดินยา… ยังไม่ทันได้แอ๊คติ้งหน้าเจ็บเลย อ้าวววว เสร็จแล้วหว่ะค่ะ!
จังหวะเข็มแทงทะลุเนื้อเข้ามา จากใจคนขี้เจ็บและพร้อมกรีดร้องว่าเจ็บปวดมากอ่ะนะ คือ…. ไม่เจ็บเลย
กระดาษบาดนิ้ว…เจ็บกว่า
ฉีดวัคซีนไข้หวัดที่ไทย เข็มยาวกว่ามากก แค่โมเม้นต์เข็มทะลุเนื้อก็ยาวนานนิรันดร์แล้ว จังหวะเดินยาคือปวดมาก แต่อันนี้คือสั้นมาก รับรู้ได้ว่ามีน้ำไหลผ่านจิ้ดเดียว เหมือนเรากลืนน้ำอ่ะ สบาย เป็นธรรมชาติ ไม่เจ็บ
ตัดต่อคลิปมาให้สำหรับคนที่อยากดูบรรยากาศการฉีดค่ะ ^^
ฉีดเสร็จตึงหน่อยๆ ปวดนิดๆ (จากปากคนขี้เจ็บนะ ถ้าจากปากคนปกติคงบอกว่าไม่รู้สึกอะไร 5555)
เผลอโดนแมวที่บ้านเหยียบยังเจ็บกว่านี้ ><
ก็ไปนั่งรอที่ที่เค้าจัดไว้ 15 นาทีครบถ้วนแล้วก็เดินออกมา
ระหว่างนั่งรอดูอาการว่ามี side effects ใดๆ มั้ย
หลังฉีดไม่มีอาการใดๆ เอาจริงๆ เชสกี้เหยียบเราเจ็บกว่านี้ ก็นั่งกินข้าวได้ ขับรถเที่ยวเล่นต่อก่อนกลับมาบ้าน
พอเริ่มสักชั่วโมงที่ 6-7 หลังฉีดเหมือนมีอาการตัวร้อนนิดหน่อย แต่วัดไข้แล้วก็แค่ 37.4 เอง คือพยายามสังเกตอาการสุดๆๆ แล้ว แต่มีน้อยมากจริงๆ มากสุดคือฟีลเหมือนเพลียแดด
เช้านี้ตื่นมาเหมือนตึงแขนนิดหน่อย อาการคล้ายๆ ไปตีแบดจนปวดแขนแต่ถ้าไม่ยกแขนสูงๆ หรือยืดจนสุดก็ไม่ได้เจ็บอะไร ครบ 18 ชั่วโมงแล้วก็ยังปกติดี เดี๋ยวรอดูว่าหลัง 24 ชั่วโมงไปแล้วจะมีอาการย้อนกลับอีกมั้ย
ตอนนี้ครบ 30 ชั่วโมงแล้ว อาการปวดแขนหายเกือบ 100% แล้วแต่มีคนบอกว่าเข็ม 2 ร่วงแน่ๆ
หากมีอะไรเพิ่มเติมจะมาอัพเดทค่ะ ^^
——————————————————————————-
และนี่ก็เป็นการรีวิว ไปฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สหรัฐอเมริกาด้วยตัวเอง ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยตรงไหน ก็สามารถเข้าไปสอบถามคุณมาดามมะม่วงกันได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Madame Mamuang : มาดามมะม่วง กิน เที่ยว ช้อป
รวมถึงใครที่อยากติดตามคอนเทนต์รีวิวท่องเที่ยวอื่นๆ นอกเหนือจากการบินไปฉีดวัคซีนโควิด ก็เข้าไปติดตามได้ผ่านบล็อก madamemamuang.com กันได้เลยครับ
ขอบคุณเนื้อหาจาก Madame Mamuang : มาดามมะม่วง