เมื่อพูดถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เชื่อว่าสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงก็คงจะไม่พ้นวันแห่งความรักวันหอมหวาน ที่ผู้คนจะเลือกใช้เวลาอยู่กับคนสำคัญ เพื่อสานความรักทั้งทางใจและทางกาย
ดังนั้น หลายคนคงอาจจะมีความคิดตั้งคำถามกันขึ้นมาบ้างว่าวันวาเลนไทน์ “จะทำให้มีเด็กเกิดขึ้นมาบนโลกมากขึ้นหรือไม่” เพราะแม้จะไม่น่าเชื่อก็ตาม แต่คำตอบของคำถามนี้ ก็ดูจะไม่ตรงกับที่หลายคนคิดไว้นัก
อ้างอิงจากข้อมูลทางสถิติ เด็กที่ได้รับการผสมในวันวาเลนไทน์นั้น มักจะมีโอกาสเกิดในช่วง 38 สัปดาห์ต่อมา ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะเป็น วันที่ 7 พฤศจิกายน
ปัญหาคือ ในช่วงวันที่ 7 พฤศจิกายนนั้น จากสถิติ แม้จะมีจำนวนเด็กเกิดมาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากวันอื่นๆ ในเดือนเดียวกัน แต่ก็ยังจัดเป็นอันดับท้ายๆ ของปีอยู่ดี (ครองตำแหน่งตั้งแต่อันดับที่ 236-301 แล้วแต่แหล่งข้อมูล)
และต่อให้วันเกิดอาจจะมีการคลาดเคลื่อน ช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายนทั้งเดือนก็ถือว่าเป็นช่วงที่มีอัตราการเกิดน้อยไม่เปลี่ยนแปลง วันวาเลนไทน์จึงอาจจะไม่ใช่วันที่คนนิยมมีลูกอย่างที่เราคิด
(ชมตารางอัตราการเกิดได้ที่: www.catdumb.com/wp-content/uploads/2022/02/heatmapbirthdays1-1.jpg)
ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเพราะอะไรจำนวนเด็กที่เกิดมาจากวันแห่งความรักถึงได้มีจำนวนน้อยเช่นนี้
แต่ผู้เชี่ยวชาญก็คาดกันว่าเหตุการณ์นี้อาจจะเกิดจากการที่วันวาเลนไทน์เป็นวันที่มีกำหนดการชัดเจน ผู้คนจึงมีเวลาวางแผนคุมกำเนิดได้อย่างรัดกุมขึ้นก็เป็นได้
ส่วนสำหรับความที่สงสัย ช่วงเวลาที่ทำให้เด็กเกิดมากมากที่สุดในโลกนั้น มักถูกยกให้เป็นช่วงเดือนธันวาคมและต้นเดือนมกราคม (คาดว่าเป็นช่วงคริสต์มาสและปีใหม่) ซึ่งทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยเกิดในเดือนกันยายนนั่นเอง
ที่มา
hyggebirthandbaby.com/blog/most-popular-conception-dates
www.theatlantic.com/national/archive/2012/05/christmas-eve-busiest-time-year-get-busy/327997/
kfoxtv.com/community/just-ask-john/are-a-lot-of-babies-conceived-on-valentines-day
www.newscientist.com/article/2161141-valentines-day-seems-to-cause-a-mini-baby-boom-9-months-later/