หลายคนบนโลกนี้ต้องเคยแพ้อะไรสักอย่างที่ทำให้เราใช้ชีวิตยากขึ้น แต่บอกเลยว่าอาการแพ้ของใครหลายคนคงเทียบกับอาการแพ้ของ Abigail Beck ไม่ได้อย่างแน่นอน
ไม่นานมานี้สำนักข่าวต่างประเทศได้ออกมารายงานเรื่องราวของ Abigail Beck เด็กสาววัย 15 ปี จากเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา ที่เธอต้องทรมานกับโรคภูมิแพ้น้ำ (Aquagenic urticaria)
อาการแพ้น้ำของ Beck เกิดขึ้นครั้งแรกตอนที่เธออายุ 13 ปี และเป็นมาเรื่อยๆ จนเมื่อเดือนที่แล้วเธอได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการว่าเป็นโรคภูมิแพ้น้ำ
โดยโรคนี้พบเพียง 1 ใน 200 ล้านคน และปัจจุบันมีผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้น้ำแค่เพียง 50-100 คนจากทั่วโลก (ในไทยก็เคยมีคนเป็นอาการนี้เช่นกัน)
Beck เผยว่า หากผิวหนังโดนน้ำฝนหรือน้ำจากฝักบัวเธอจะแสบ ผิวแดง และรู้สึกเหมือนถูกกรดราดลงผิว (พอเช็ดผิว 30-40 นาทีถึงจะดีขึ้น) ทำให้เธอต้องอาบน้ำแค่เพียง 2 วันครั้ง
ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังไม่สามารถดื่มน้ำเปล่าเป็นแก้วนานกว่า 1 ปีแล้ว เพราะทุกครั้งที่เธอดื่มน้ำเปล่าจะทำให้เธออาเจียน เจ็บอก และหัวใจเต้นเร็ว
Beck ได้แค่จิบน้ำในปริมาณน้อยในแต่ละวัน และใช้ยาแก้แพ้กับสเตียรอยด์เพื่อช่วยเวลาที่เกิดอาการแพ้
แน่นอนค่ะว่าบนโลกนี้ทุกอย่างที่เราบริโภคมีน้ำเป็นส่วนประกอบทั้งนั้น Beck จึงต้องดูฉลากก่อนทุกครั้ง ซึ่งเธอสามารถกินหรือดื่มผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำบรรจุอยู่น้อยมากๆ อย่างเช่นดื่มเครื่องดื่มชูกำลังหรือน้ำทับทิมแทน
นอกจากนี้ เธอยังต้องกินยาที่ช่วยรักษาภาวะขาดน้ำ (Rehydration pills) ตามคำสั่งของหมอ และมีการพิจารณาทำ IV หรือการให้น้ำผ่านหลอดเลือดดำหากอาการของเธอไม่ดีขึ้นในอนาคต
อาการแพ้น้ำของเธอเผยออกมาในปี 2019 และทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป Beck ไม่สามารถดื่มน้ำ อาบน้ำ ตากฝน ออกกำลังกาย หรือแม้แต่ร้องไห้ได้ดังคนทั่วไป เธอเผยว่า
“น้ำตาของฉันทำให้ผิวหน้าแดงและแสบไปหมด ฉันร้องไห้เหมือนคนทั่วไป แต่มันกลับเจ็บมากๆ น้ำตาของเราไม่ควรที่จะทำให้เราแสบสิ”
ปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันว่าสาเหตุของโรคนี้มาจากอะไร และยังไม่มีการรักษาที่แน่ชัด
ซึ่งในตอนนี้มีเพียงการรักษาป้องกันอาการ อาจจะใช้การรักษาด้วยแสง UV, ยาแก้แพ้, สเตียรอยด์, ครีม หรืออาบน้ำด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนตเพื่อบรรเทาอาการ
เรียบเรียงโดย #เหมียวนานะ
ติดตาม CatDumb ได้ในช่องทางอื่นๆ
Website: www.CatDumb.com
Youtube: www.youtube.com/c/CatDumbTV-Youtube
Instagram: www.instagram.com/catdumbnews/
TikTok: www.tiktok.com/@CATDUMBtv