เรื่องราวที่กำลังจะได้อ่านนี้ เกิดขึ้นประเทศไต้หวัน ประเทศที่มักจะโดนเข้าใจผิดบ่อยๆ เมื่อคุณบอกชาวต่างชาติว่ามาจากไทยแลนด์นั่นเอง
อาร์ ยู ฟรอม ว็อท? ทาย หว๋านนน?
เข้าเรื่องกันเลยครับ โรงพยาบาล Cheng Hsin General Hospital ในกรุงไทเป กำลังถูกสอบสวนครั้งสำคัญ และสั่งปรับเงินไปแล้ว 300,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราวๆ 300,000 บาท)
หลังจากที่ถูกตรวจพบว่าทางโรงพยาบาลได้ฉีดวัคซีนให้กับอดีตรองประธานาธิบดี ภรรยา และอาสาสมัคร 8 คน ที่ไม่ได้มีสิทธิ์รับวัคซีนก่อนคนอื่น
Cheng Hsin General Hospital
ตามรายงานระบุว่า ตอนนี้ที่ไต้หวันเป็นประเทศที่ขาดแคลนวัคซีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการไม่สามารถนำเข้าวัคซีนจากจีนมาใช้งานได้
จากจำนวนประชากรกว่า 23 ล้านคน ถึงปัจจุบันมีแค่ราวๆ 33,000 คนเท่านั้น ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว
การแจกจ่ายวัคซีนในไต้หวัน จึงจำเป็นต้องเป็นไปด้วยความเข้มงวด และให้เฉพาะบุคลากร หรือบุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในลิสต์เท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มแพทย์หน้างาน และอาสาสมัครทางการแพทย์
สถิติวัคซีนของไต้หวัน เทียบกับประชากรโลก
ปรากฏว่า อดีตรองประธานาธิบดี Lien Chan วัย 84 ปี และภรรยาวัย 78 ปี ได้รับวัคซีนเรียบร้อย พร้อมกับอาสาสมัคร 8 คน ที่ “ไม่มีประวัติทำงานอาสาสมัครมาก่อน” เรื่องเลยกลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมา
จากการตรวจสอบ พบว่าอาสาสมัครเหล่านั้น ไม่เคยทำงานอาสา ไม่มีชื่อในทะเบียนอาสาการแพทย์ที่ลงทะเบียนไว้กับกระทรวงสาธารณสุขอีกด้วย จึงเกิดคำถามว่าพวกเขาได้วัคซีนได้อย่างไร?
เรื่องนี้ก็เลยถูกโยงไปยังคนที่เกี่ยวข้อง นั่นก็คืออดีตรองประธานาธิบดี ที่ได้รับวัคซีนไปด้วย ทั้งที่ยังไม่อยู่ในลิสต์
Lien Chan และภรรยา
ทางโรงพยาบาลดังกล่าว ชี้แจงว่าที่ให้วัคซีนนั้น เป็นไปด้วยหลักการมนุษยธรรม เพราะเขาเข้ารักษาอาการเนื้องอกที่โรงพยาบาลอยู่พอดี จึงได้รับวัคซีนพร้อมกับภรรยา
อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน ดูจะไม่เห็นด้วยกับเหตุผลดังกล่าว เบื้องต้นจึงสั่งปรับเงิน 300,000 ดอลลาร์ไต้หวัน พร้อมกับสืบสวนเพิ่มเติมโดยทันที
ที่มา:
www.taipeitimes.com/News/taiwan/archives/2021/06/26/2003759840