ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกิดเป็นเรื่องของหนุ่มจีนรายหนึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญพร้อมกับสัตว์เลี้ยงเป็นสิงโตอยู่ภายในบ้าน
มีเบาะแสหลุดออกไปถึงเจ้าหน้าที่สัตว์ป่าที่ต้องตามมายึดตัวมันไป เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์ป่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย อีกทั้งยังพบว่ามันถูกถอดเล็บถอดเขี้ยวออกจนหมด
ข่าวเก่า: หนุ่มจีนถูกตามยึดสิงโตถึงบ้าน หลังถ่ายอวดลงในคลิปติ๊กต็อก ถูกถอดเขี้ยวถอดเล็บหมด
ประเด็นต่อหลังจากเรื่องนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สิงโตเพศผู้ที่ถูกทางการกัมพูชายึดไปนั้นถูกนำส่งคืนให้กับเจ้าของเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายใต้คำสั่งของนายกรัฐมนตรี ‘ฮุน เซน’
เจ้าหน้าที่ตำรวจและกรมสัตว์ป่าได้บุกเข้าบ้านหลังดังกล่าวในวันที่ 27 มิถุนายน ระบุว่าเข้าไปช่วยเหลือสิงโตหลังจากคลิปวิดีโอของมันโผล่ในติ๊กต็อก เพื่อนบ้านเองก็ไม่สบายใจจนต้องเรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ทั้งนี้ บางส่วนบนโลกโซเชียลมีเดียระบุว่าควรส่งคืนสิงโตให้กับเจ้าของไปซะ เพราะเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาไม่ได้กระทำทารุณสัตว์ใดๆ
ตอนแรกเจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายสิงโตไปยังศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าพนมตาเมา ชานกรุงพนมเปญ จนเรื่องไปถึงนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน และมีคำสั่งให้นำสิงโตเพศผู้อายุ 18 เดือนส่งคืนแก่เจ้าของชาวจีน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องให้เจ้าของสร้างกรงที่เหมาะสมด้วย
เจ้าหน้าที่พยายามบอกว่าผิดกฎหมายหากเลี้ยงสิงโตเป็นสัตว์เลี้ยง แต่ท่านายก ฮุน เซน หาแคร์ไม่ ยกว่าคดีนี้เป็นคดีพิเศษเพราะเจ้าของเลี้ยงสิงโตมาตั้งแต่ยังเด็กและดูแลมันเหมือนกับสมาชิกในครอบครัว
เหตุการณ์ที่ปรากฎบนสื่อโทรทัศน์กัมพูชาก็คือสัปดาห์ก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้าน ทำให้สิงโตสลบแล้วนำมันใส่กรงเหล็กเคลื่อนย้ายออกไป ถัดมาอีกไม่กี่วันก็ได้เห็นสิงโตถูกเคลื่อนย้ายกลับมาที่บ้านหลังเดิม อยู่คู่กับน้องหมาที่เขาเลี้ยงไว้
“ในตอนแรกผมรู้สึกเสียใจนะ หลังจากนั้นก็ตื่นเต้นและตื้นตันมากๆ” นายกัว ผู้เลี้ยงสิงโตตัวดังกล่าว
ทางด้านองค์กร Wildlife Alliance ที่ทำหน้าที่เข้าไปยึดสิงโตตอนแรกนั้นไม่ได้มีความคิดเห็นอื่นใดต่อจากประเด็นนี้ แต่ Tina Redshaw ทูตชาวอังกฤษในกัมพูชาทวีตแสดงความไม่เห็นด้วยกับการนำสิงโตไปคืนเจ้าของ แทนที่จะแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่างในการป้องกันการค้าสัตว์ป่า
“น่าผิดหวังกับสิงโตที่ถูกยึดที่พักกลางเมืองถูกส่งกลับคืน เป็นการบ่อนทำลายกฎหมายกัมพูชาที่ปกป้องคนเป็นเจ้าของหรือค้าสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ทำลายความพยายามระดับโลกในการแก้ไขปัญหาค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย”
ที่มา: reuters