หลายคนอาจจะเคยผ่านตากับคลิปของเพจ Nas Daily ซึ่งขึ้นมาบนหน้าฟีดของเฟซบุ๊กกันบ้าง เขาคือครีเอเตอร์ที่มียอดผู้ติดตามนับสิบล้าน และทำคลิปวิดีโอที่น่าสนใจออกมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเขากำลังมีดราม่าถูกทัวร์ชาวฟิลิปปินส์ถล่มอย่างหนัก
เรื่องราวดราม่าระหว่าง Nas Daily และชาวฟิลิปปินส์ (จำนวนมาก) มีที่มาที่ไปอย่างไร มาติดตามสรุปได้เลยครับ…
รู้จัก Nas Daily แบบเป็นการเบื้องต้น
Nusseri Yassin หรือที่หลายคนรู้จักกันในนาม Nas Daily เป็นอินฟลูเอนเซอร์คนดังบนโลกออนไลน์ ที่มีผู้ติดตามหลายสิบล้านคนทั้งในช่องยูทูบและเฟซบุ๊ก
คลิปหลักๆ ของเขาจะเป็นการเล่าเรื่องที่น่าสนใจจากทั่วมุมโลก รวมถึงการนำเสนอแง่มุมแปลกๆ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อน
ดราม่าระอุ เพราะคอร์สออนไลน์
พอทำวิดีโอจนมีชื่อเสียงมาก เขาก็เลยเปิดเว็บไซต์ Nas Academy เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการเรียนออนไลน์ ซึ่งมีทั้งสอนการทำคลิปวิดีโอแบบเขาเอง รวมถึงสอนทักษะน่าสนใจรอบโลก
ซึ่งในแพลตฟอร์มนั้น ก็มีคอร์สเรียนวิชาการสักโบราณของฟิลิปปินส์ ที่สอนโดยคุณยาย Whang-od Ogga ศิลปินผู้สืบทอดวิชาการสักแบบโบราณ
โดยผู้เรียนก็จะได้เข้าไปศึกษาถึงวิชาการสักตามแบบฉบับตั้งเดิม ในราคาประมาณ 490 บาท ก็ได้เข้าสู่คอร์สออนไลน์ในรูปแบบวิดีโอ ที่จะเปิดดูไปได้ตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าหลานสาวของคุณยาย ออกมาเรียกร้องว่าข้อมูลบน Nas Academy นั้นไม่ได้รับความยินยอม และครอบครัวเธอไม่เคยเซ็นมาทำงานร่วมกับเขาในคอร์สออนไลน์เลย
มีการเปิดเผยจากทางฟิลิปปินส์ว่า Nas เพียงเข้าไปถ่ายทำคอนเทนต์ เหมือนถ่ายทอดเรื่องราวของคุณยาย และเก็บคลิปสัมภาษณ์เท่านั้น โดยที่ไม่เคยบอกว่าจะเอาไปเป็นอาจารย์ในคอร์สออนไลน์
ซึ่งทางครอบครัวของคุณยาย ก็ถ่ายทอดข้อมูลต่างๆ ที่ตนเองเข้าใจ ตามแนวทางและบทที่มีการตกลงกันไว้ โดยนึกว่าจะเป็นแค่คลิปสารคดีเฉยๆ
ล่าสุดคอร์สดังกล่าวก็เลยถูกถอดออกจากเว็บไซต์เป็นที่เรียบร้อย
ดราม่าคอร์สจบ แต่ดราม่าที่หนักกว่านั้นกำลังตามมา..
พอกระแสบนโลกออนไลน์เริ่มโจมตี Nas ก็เลยมีการขุดไปมากกว่านั้นอีก ว่าเขานั้นมาฟิลิปปินส์ ถ่ายคลิปเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับประเทศนี้ เพียงเพื่อต้องการคอนเทนต์ไปจั่วหัวว่า “ชาวฟิลิปปินส์”
ทั้งหมดที่ทำเพื่อเรียกยอดวิวจากคนท้องถิ่นเท่านั้น โดยไม่สนใจวัฒนธรรมและเรื่องราวอย่างแท้จริง
การคอลเอาท์ที่รุนแรงที่สุดมาจาก Louise Mabulo นักสิ่งแวดล้อมชื่อดังของฟิลิปปินส์ ที่แชร์ประสบการณ์ด้านลบในการทำงานกับ Nas ซึ่งต้องเรียกว่าพูดไม่ไว้หน้ากันเลย
เธอบอกว่าก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางมาถ่ายทำเรื่องราวในท้องถิ่นบ้านเกิด เธอเป็นแฟนตัวยงของ Nas ดูคลิปเขาแทบทุกคลิป
แต่พอเขามาถ่ายเรื่องราวโครงการสนับสนุนการปลูก Cacao ในชนบทของเธอ ที่เธอมีชื่อเสียงในฐานะผู้นำให้ชาวนา 200 คน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้เธอมองเขาเปลี่ยนไป
เริ่มตั้งแต่การที่ เธอเปิดบ้านให้ทีมงานของ Nas พักฟรีๆ ในระหว่างการถ่ายทำโดยที่ทุกคนในบ้านเตรียมการอย่างดี แต่ไม่มีกระทั่งคำขอบคุณสักคำ ตั้งแต่มาถึงจนจากไป
นอกจากนี้ แม่ของเธอยังตื่นมาเตรียมอาหารให้ทีมงานตั้งแต่เช้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะกินอาหารท้องถิ่นเหมือนกับภาพที่เห็นหน้ากล้อง เขาเพียงแค่รีบมาถ่ายงานให้เสร็จ แล้วก็รีบไปเท่านั้น
นอกจากนั้นยังรวมถึงเรื่องอื่นๆ เช่น
– เขาชอบบอกว่าคนท้องถิ่นในชนบทของฟิลิปปินส์ เป็นพวกคนจน ชอบเน้นว่าทำไมคนท้องถิ่นนี้ถึงยากจนนัก
– พูดและทำท่าทางล้อเลียนสำเนียงของชาวฟิลิปปินส์
– เขามักจะปฏิเสธทุกไอเดียที่มองว่า “คนจะไม่คลิก” หรือ “จะไม่ได้วิว”
– เขามักพูดติดตลกว่าแค่ใส่คำว่า “ฟิลิปปินส์” ลงไปในหัวข้อ ก็จะได้ยอดวิวมากยิ่งขึ้น และชาวฟิลิปปินส์ก็จะเฮโล เข้ามาคอมเมนต์ด้วยความภาคภูมิใจในประเทศของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เธอบอกว่าเหตุการณ์ตอนถ่ายทำนั้นเกิดขึ้นในปี 2019 แต่เธอก็เก็บเงียบมาถึง 2 ปี จนกระทั่งมาเจอดราม่านี้เกิดขึ้น เธอก็เลยขอแชร์เรื่องราวในมุมตัวเองบ้าง
ตามมาด้วยทัวร์ลง Nas Daily หนักมาาาาาากกกกกก
พอเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น ชาวฟิลิปปินส์หลายคนก็ไม่ค่อยพอใจ บางส่วนรู้สึกเหมือนโดนเหยียบย่ำความรู้สึก จากนักทำคลิปที่ดูเหมือนจะสนใจในวัฒนธรรมของชาติตัวเอง ที่จริงอาจจะเป็นเพราะเขาหวังยอดวิวจากความภูมิใจของคนในชาติ
ทำให้เกิดกระแสทัวร์ลงหน้าแฟนเพจของ Nas Daily หนักมาก (ถ้าเราเห็นกองทัพชาวเน็ตไทยไปทัวร์ลงว่าหนักแล้ว ชาวฟิลิปปินส์ก็บอกเลยว่าถล่มหนักไม่แพ้ใคร)
เรื่องดังกล่าวกลายเป็นกระแสร้อนแรงขึ้นมา จนเจ้าตัวต้องออกมาพูดถึงเลยด้วย
คำชี้แจงจากฝั่ง Nas Daily
ทางฝั่ง Nas Daily ออกมาชี้แจงในวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับดราม่าดังกล่าว ซึ่งเขาเองก็บอกมีเรื่องราวฝั่งตัวเองที่เก็บเงียบมา 2 ปีเช่นกัน
โดยสรุปนั้น เขาบอกว่าตัวเองสนใจในโปรเจคต์ The Cacao ที่ Louise Mabulo จัดตั้งขึ้นมา เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ของคาเคา และส่งเสริมการเพาะปลูกเพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวนากว่า 200 ราย
อย่างไรก็ตาม พอเขาบินไปถึงบ้านเกิดของเธอ เขาบอกว่าโครงการดังกล่าวนั้นไม่ได้ประสบผลสำเร็จจริงๆ แบบที่ถูกยกย่องบนโลกออนไลน์ เขาก็เลยไม่รู้จะถ่ายทำอะไรต่อ
เขาบอกว่าไม่มีทั้งชาวนา 200 ราย และก็ไม่มีทั้งโครงการช่วยเหลือเกษตรกร มันดูเหมือนการจ้างงานชาวนาทั่วไป ที่ครอบครัวเธอก็ทำกำไรจากมันมากกว่า
ถ้าเขาถ่ายทำไป จะเป็นการนำเสนอ Fake news บนช่องของตัวเอง
เขายืนยันว่าได้บอกกับ Louise ไปตรงๆ แล้ว และเธอก็ยอมรับมัน ก่อนจะลาจากกันโดยดี โดยมีการถ่ายรูปกับครอบครัวของเธอไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงสนับสนุนชาวฟิลิปปินส์ต่อไป พร้อมกับจะนำเสนอเรื่องราวดีๆ ของฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่องในอนาคต
จะเห็นได้ว่า คำชี้แจงจากทางฝั่งของ Nas และทางฝั่งของ Louise นั้น ดูจะเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน
จึงเกิดเป็นรอยร้าวบนโลกออนไลน์ ที่มีทั้งคนมาให้กำลังใจ Louise และทัวร์ที่ยังคงถล่มเพจของ Nas ต่อไป ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งก็คอมเมนต์สนับสนุนอินฟลูเอนเซอร์คนดัง และให้กำลังใจเขาอย่างเหนียวแน่นด้วย
ตอนนี้ดราม่าก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน จนกว่าทาง Louise จะยกข้อมูลอะไรขึ้นมาอีก หรือจนกว่า Nas จะมาชี้แจงในเรื่องที่ชาวเน็ตหลายคนยังสงสัย เช่น เขาล้อเลียนสำเนียงฟิลิปปินส์จริงหรือไม่?
หวังว่าสรุปในคอนเทนต์นี้ จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจดราม่าดังกล่าว ได้มากยิ่งขึ้นนะครับ..
เรียบเรียง #ประธานเหมียว
ที่มา:
Nas Daily Called Out for Scamming and Exploiting Asian Culture Just for Clicks & Views
www.eco-business.com/news/filipina-social-entrepreneur-calls-out-nas-daily-for-neocolonialism/
news.abs-cbn.com/life/08/06/21/young-chef-calls-out-nas-daily-amid-whang-od-issue