ห่างไกลออกไปจากโลกของเราราวๆ 300 ล้านกิโลเมตร ยังคงมีดาวเคราะห์น้อย ขนาดราวๆ ครึ่งกิโลเมตร และ หนักร่วม 85.5 ล้านตัน กำลังค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามาใกล้โลกด้วยความเร็ว 28 กิโลเมตรต่อวินาที
และจากข้อมูลชุดใหม่ของทางองค์การนาซาดูเหมือนว่าดาวเคราะห์น้อยที่ดูจะอันตรายต่อโลกอยู่แล้วดวงนี้ ก็จะยิ่งมีความอันตรายมากขึ้นไปอีกหนึ่งระดับแล้วด้วย
ดาวเคราะห์น้อยเจ้าปัญหาในครั้งนี้มีชื่อว่า “101955 Bennu” ดาวเคราะห์น้อยที่เคยถูกคาดกันว่าจะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในช่วงปี 2175-2199 และมีโอกาสราวๆ 1 ใน 2,700 (0.037%) ที่จะชนโลกจริงๆ
อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ของนักวิทยาศาสตร์ ดูเหมือนว่า การคำนวณในอดีตจะมีจุดคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย ซึ่งทำให้เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้เอง ทางองค์การนาซาก็เพิ่งจะออกมาเปิดเผยว่า
ดาวเคราะห์น้อย Bennu นั้นอาจจะเข้าใกล้โลกในระยะทาง 200,000 แสนกิโลเมตร (ระยะทางครึ่งหนึ่งของโลกไปดวงจันทร์) ภายใน เดือนกันยายนปี 2135 เท่านั้น
และมันก็อาจจะมีโอกาสชนโลกถึง 1 ใน 1,750 (0.057%) ซึ่งมากกว่าที่เราเคยคิดไว้เล็กน้อยด้วย
นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดูเล็กน้อยสำหรับหลายๆ คน แต่ด้วยขนาดของมันหาก Bennu ชนโลกจริงๆ มันจะสร้างความเสียหายได้มากกว่าระเบิดที่ฮิโรชิม่าราวๆ 80,000 เท่าเลย
โดยการเพิ่มขึ้นของตัวเลขในครั้งนี้หลักๆ แล้วมาจากการที่เรามีข้อมูลของ Bennu มากขึ้นจากการส่งยาน OSIRIS-REX ไปสำรวจมันนั่นเอง
ซึ่งหมายความว่าในตอนที่ยานลำนี้กลับมาถึงโลกจริงๆ ในปี 2023 ความเสี่ยงในการชนโลกของ ดาวเคราะห์น้อย Bennu ก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งก็เป็นได้
และแม้ว่าโอกาสดังกล่าวจะมีน้อยสุดๆ อยู่ก็ตาม ทีมนักวิทยาศาสตร์ของหลายๆ ประเทศก็ได้เตรียมแผนการที่จะรับมือกับการมาของดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ดวงนี้เอาไว้แล้วด้วย
ไม่ว่าจะเป็นโครงการ HAMMER ของนาซา หรือการวางแผนยิงจรวด 23 ลูก ขึ้นไปใส่อุกกาบาตของประเทศจีน (อ่านข่าวเกี่ยวกับแผนการของประเทศจีนได้ที่นี่)
ดังนั้นเราจึงน่าจะวางใจได้พอสมควรเลยว่าการมาของ 101955 Bennu นั้นคงจะไม่ใช่จุดจบของโลกแต่อย่างไร