ด้วยภาวะทางสิ่งแวดล้อมของโลกในปัจจุบัน มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายๆ ฝ่ายจะเริ่มมีความกระตือรือร้นที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามการที่ประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆ ของโลก จะออกมาแสดงความพยายามรักษาสิ่งแวดล้อมโดยตรง มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะเห็นได้บ่อยๆ เลยอยู่ดี
ดังนั้นนี่จึงอาจจะถือว่าเป็นข่าวที่ดีมากๆ เลยก็ได้ เพราะเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา นายหลี่ ชุนเหลียง รองประธานคณะกรรมาธิการป่าไม้ของจีนก็เพิ่งจะออกมาแถลงข่าว เกี่ยวกับโครงการใหม่ของประเทศ
ซึ่งมีเป้าหมายที่จะปลูกป่า 36,000 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่พอๆ กับไต้หวัน) อย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ตอนนี้จนถึงปี 2025
เพื่อที่จะปรับปรุงคุณภาพป่าไม้ของประเทศให้ดีขึ้น และมุ่งเป้าจะเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอน (เทียบกับการดูดซับของต้นไม้) เป็นศูนย์ ภายในปี 2060
“ภายในปี 2035 คุณภาพและเสถียรภาพของระบบนิเวศป่าไม้ ทุ่งหญ้า พื้นที่ชุ่มน้ำ และทะเลทรายของจีนจะได้รับการยกระดับอย่างครอบคลุม” นายหลี่ ชุนเหลียง ระบุในแถลงการณ์
เขาระบุเพิ่มเติมว่าประเทศจีน ตั้งเป้าที่จะเพิ่มอัตราการครอบคลุมพื้นที่ป่าโดยรวมเป็น 24.1% ภายในสิ้นปี 2025 จาก 23.4% ในปัจจุบัน
โดยใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากปลูกต้นไม้แล้ว จีนจะขยายพื้นที่อุทยานแห่งชาติให้มากขึ้น พร้อมกับปราบปรามการตัดไม้ และล่าสัตว์ป่าผิดกฎหมายอย่างจริงจังไปด้วย
แน่นอนว่านี่อาจจะเป็นการแถลงการณ์ที่น่าชื่นชม แต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจจะเป็นโครงการที่ทำได้ยากกว่าที่คิดเช่นกัน
นั่นเพราะ อ้างอิงจากรายงานของทีมวิจัยจาก comparethemarket.com หากจีนอยากจะทำตามเป้าหมายของเขาจริงๆ เพื่อชดเชยการปล่อยมลพิษประจำปีของปักกิ่งเพียงเมืองเดียว ประเทศจีนก็อาจจะต้องปลูกต้นไม้มากกว่า 15 ล้านต้นต่อปีเลยนั่นเอง
ที่มา
www.reuters.com/world/china/china-step-up-tree-planting-campaign-help-reach-net-zero-2021-08-20/
www.straitstimes.com/asia/east-asia/china-to-step-up-tree-planting-campaign-to-help-reach-net-zero
www.globaltimes.cn/page/202107/1228833.shtml