สำหรับเกาะเล็กๆ กลางมหาสมุทรแอตแลนติกระหว่างประเทศนอร์เวย์กับไอซ์แลนด์อย่าง “หมู่เกาะแฟโร” พวกเขานั้นมีประเพณีเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 อยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือพวกเขาจะออกทะเลไปเพื่อล่า “วาฬและโลมา” เพื่อมาเป็นอาหารของคนบนเกาะ
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปประเพณีเก่าแก่นี้ก็ค่อยๆ ถูกต่อต้านจากกลุ่มนักอนุรักษ์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อในปีนี้ พวกเขาได้ออกล่าโลมาไปมากเป็นพันตัวภายในวันเดียวเลยด้วย
เรื่องราวในคราวนี้เริ่มกลายเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมาครั้งแรกตั้งแต่ในวันที่ 15 กันยายน 2021 ที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักได้รายงานภาพของโลมาคาดขาว (White-sided dolphins) จำนวนร่วม 1,428 ตัวนอนตายเรียงอยู่เต็มชายหาดของเกาะ
โดยพวกมันรวมแต่จะถูกออกล่าโดยคนในพื้นที่ตั้งแต่ในวันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน และถูกระบุว่ามีเหยื่อมากจนทำลายสถิติเดิมตั้งแต่ในปี 1940 ซึ่งมีโลมาถูกสังหารประมาณ 1,200 ตัว และมากกว่าปี 2020 ที่ผ่านมาซึ่งมีโลมาถูกฆ่าไปเพียง 35 ตัวหลายเท่า
จำนวนการล่าที่มากขนาดนี้ทำให้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่การกระทำดังกล่าวจะทำให้กลุ่มรณรงค์ต่อต้านการล่าวาฬและโลมาทั่วโลกออกมาประณามการกระทำของคนบนเกาะอย่างรุนแรง
และระบุว่าประเพณีในลักษณะดังกล่าวควรที่จะเป็นสิ่งที่ถูกยกเลิกไปได้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามทางรัฐบาลของเกาะก็ยืนยันว่าการล่าโลมาของคนบนเกาะนั้น เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนในพื้นที่และเป็นสิ่งที่ถูกจัดทำขึ้นตามกฎหมายทุกอย่าง
และที่น่าสนใจคือแม้ในการสำรวจความคิดเห็นของชาวเกาะเราจะมีประชาชนราวๆ 50% ไม่เห็นด้วยกับการล่า “โลมา” ก็ตาม แต่จากอีกแบบสำรวจหนึ่ง กว่า 80% ของคนในเกาะก็ยังคงเห็นด้วยกับการล่า “วาฬ” ต่อไปอยู่ดี
ที่มา
edition.cnn.com/2021/09/15/europe/faroe-dolphin-killing-record-scli-intl-scn/index.html
www.nytimes.com/2021/09/15/world/europe/dolphins-killed-faroe-islands.html